น้ำท่วมภาคใต้! 9 จังหวัดจมบาดาล อนุมัติเงินช่วยเพิ่มเติมจังหวัดละ 50 ล้าน

อนุมัติขยายวงเงินให้ 9 จังหวัดภาคใต้ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเพิ่มเติม 50 ลบ.
นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 - ปัจจุบัน ทำให้มีหลายพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัยกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง โดยมี 9 จังหวัดภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ได้แก่ จังหวัดสงขลา สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และจังหวัดสตูล ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น ก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน และทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก
ซึ่งวงเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีอยู่ อาจไม่เพียงพอในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และมีความจำเป็นต้องระดมสรรพกำลัง เพื่อบูรณาการในการช่วบยเหลือผู้ประสบภัยจากทุกภาคส่วน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ขอขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดไปยังกรมบัญชีกลาง เพื่อให้จังหวัดสามารถช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้อย่างทั่วถึง
"ขณะนี้กรมบัญชีกลางได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด 9 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดสงขลา สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และจังหวัดสตูล เพิ่มเติมจังหวัดละ 50 ล้านบาท เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าและสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ครอบคลุมและทั่วถึงในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการดำรงชีพ ด้านการเกษตร ด้านบรรเทาสาธารณภัย และด้านการปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย
เพื่อให้จังหวัดสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยความรวดเร็ว เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงานมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้กำชับไปยังจังหวัดให้ใช้จ่ายงบประมาณโดยยึดตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยมุ่งบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ส่งผลให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และเป็นธรรม" นายธีรพัฒน์ อธิบดี ปภ.กล่าวเพิ่มเติม
สรุปสถานการณ์อุทกภัยทั่วประเทศ 25 พ.ย.2568
นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ของศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 25 พ.ย. 68 เวลา 06.00 น.) ยังมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคกลาง รวม 20 จังหวัด 147 อำเภอ 1,080 อำเภอ 7,573 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 941,768 ครัวเรือน 2,680,515 คน และมีผู้เสียชีวิตรวม 41 ราย
สำหรับพื้นที่ภาคใต้ ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กินพื้นที่ 98 อำเภอ 643 ตำบล 4,688 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 798,695 ครัวเรือน 2,196,758 คน และมีผู้เสียชีวิตรวม 13 ราย (นครศรีธรรมราช 6 ราย ปัตตานี 3 ราย ยะลา 2 ราย พัทลุง 2 ราย) ดังนี้
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ ท่าฉาง กาญจนดิษฐ์ และเคียนซา 18 ตำบล 148 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 14,334 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
- จังหวัดนครศรีธรรมราช ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 22 อำเภอ ได้แก่ ชะอวด เมืองฯ ท่าศาลา พรหมคีรี ร่อนพิบูลย์ นาบอน สิชล ฉวาง ทุ่งสง เฉลิมพระเกียรติ หัวไทร ลานสกา บางขัน พระพรหม ช้างกลาง ปากพนัง จุฬาภรณ์ นบพิตำ ทุ่งใหญ่ พิปูน เชียรใหญ่ และถ้ำพรรณรา 161 ตำบล 1,483 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 223,221 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- จังหวัดตรัง ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ นาโยง ห้วยยอด รัษฎา ย่านตาขาว วังวิเศษ กันตัง เมืองฯ สิเภา และปะเหลียน 54 ตำบล 283 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,647 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- จังหวัดพัทลุง ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ เมืองฯ ควนขนุน กงหรา เขาชัยสน ศรีนครินทร์ บางแก้ว ป่าบอน ปากพะยูน ศรีบรรพต ป่าพะยอม และตะโหมด 65 ตำบล 670 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 151,622 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- จังหวัดสตูล ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ ควนโดน ละงู ท่าแพ มะนัง ควนกาหลง เมืองฯ และทุ่งหว้า 28 ตำบล 195 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,447 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- จังหวัดสงขลา ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 16 อำเภอ ได้แก่ รัตภูมิ เมืองฯ จะนะ คลองหอยโข่ง ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ หาดใหญ่ ควนเนียง นาทวี สิงหนคร นาหม่อม บางกล่ำ สะเดา เทพา และสะบ้าย้อย 115 ตำบล 821 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 243,568 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- จังหวัดปัตตานี ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 12 อำเภอ ได้แก่ สายบุรี แม่ลาน โคกโพธิ์ มายอ ยะรัง ไม้แก่น ยะหริ่ง ปะนาเระ ทุ่งยางแดง กะพ้อ หนองจิก และเมืองฯ 101 ตำบล 485 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 58,009 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- จังหวัดยะลา ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ เมืองฯ รามัน เบตง บันนังสตา ธารโต กรงปินัง และยะหา 46 ตำบล 254 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21,950 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
- จังหวัดนราธิวาส ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ บาเจาะ ยี่งอ เมืองฯ ระแงะ ตากใบ สุไหงปาดี ศรีสาคร รือเสาะ สุไหงโก-ลก เจาะไอร้อง และสุคิริน 55 ตำบล 349 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 60,897 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
สำหรับพื้นที่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี สิงห์บุรี ชัยนาท อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และนครปฐม กินพื้นที่ 49 อำเภอ 437 ตำบล 2,885 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 143,073 ครัวเรือน 483,757 คน และมีผู้เสียชีวิต 28 ราย (พิษณุโลก 1 ราย พระนครศรีอยุธยา 19 ราย สิงห์บุรี 3 ราย ปทุมธานี 1 ราย นนทบุรี 1 ราย สุพรรณบุรี 3 ราย) ดังนี้
- จังหวัดพิษณุโลก ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 1 อำเภอ คืออำเภอบางระกำ 9 ตำบล 76 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 598 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
- จังหวัดนครสวรรค์ ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ ชุมแสง เมืองฯ พยุหะคีรี และโกรกพระ 20 ตำบล 268 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,814 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
- จังหวัดอุทัยธานี ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 1 อำเภอ คืออำเภอเมืองฯ 9 ตำบล 47 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,981 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
- จังหวัดชัยนาท ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ วัดสิงห์ มโนรมย์ เมืองฯ สรรพยา และสรรคบุรี 21 ตำบล 89 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,240 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
- จังหวัดสิงห์บุรี ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อินทร์บุรี พรหมบุรี และเมืองฯ 18 ตำบล 99 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,603 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
- จังหวัดอ่างทอง ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ ป่าโมก วิเศษชัยชาญ ไชโย และเมืองฯ 36 ตำบล 197 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,751 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
- จังหวัดสุพรรณบุรี ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ เมืองฯ บางปลาม้า สองพี่น้อง อู่ทอง ศรีประจันต์ ดอนเจดีย์ และเดิมบางนางบวช 69 ตำบล 509 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21,689 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 12 อำเภอ ได้แก่ เสนา ผักไห่ บางบาล บางไทร บางปะอินพระนครศรีอยุธยา บางปะหัน บางซ้าย บ้านแพรก มหาราช ลาดบัวหลวง และนครหลวง 145 ตำบล 946 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 65,238 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
-จังหวัดปทุมธานี ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ สามโคก และเมืองฯ 23 ตำบล 77 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,830 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
- จังหวัดนนทบุรี ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ เมืองฯ ปากเกร็ด และบางกรวย 30 ตำบล 139 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16,092 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
- จังหวัดนครปฐม ยังมีสถานการณ์ในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ บางเลน สามพราน นครชัยศรี กำแพงแสน เมืองฯ ดอนตูม และพุทธมณฑล 57 ตำบล 438 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,237 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประสานการทำงานร่วมกับจังหวัดที่ประสบภัยในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทั้งการสนับสนุนทีมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ เครื่องจักรกลสาธารณภัย รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 เข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์ภัย โดยทีม ปภ. จะเดินหน้าให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังและอยู่ปักหลักให้ความช่วยเหลือประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
