รีเซต

“น้ำท่วมหาดใหญ่” ทวีความรุนแรงถึงจุดพีคสุดวันนี้ หนักกว่าปี 2553

“น้ำท่วมหาดใหญ่” ทวีความรุนแรงถึงจุดพีคสุดวันนี้ หนักกว่าปี 2553
TNN ช่อง16
25 พฤศจิกายน 2568 ( 07:34 )

สถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่  จังหวัดสงขลา  ยังคงวิกฤต หลังสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน)  ออกคำเตือนว่าน้ำท่วมหาดใหญ่ ยังคงทวีความรุนแรงขึ้น จากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง และมวลน้ำจากอำเภอสะเดา ไหลมาสมทบไม่หยุด จำเป็นต้องเฝ้าระวังในระดับสูงสุด เนื่องจากมวลน้ำระลอกแรกยังไม่ลดลง รวมทั้งคาดว่า จะยังมีฝนตกเกิน  200 มิลลิเมตร ทำให้สถานการณ์รุนแรงจนคาดว่าจะถึงจุดพีคในวันนี้ (25 พ.ย. 68 ) และจะทำให้หลายพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันในวงกว้าง

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ  (สทนช.)  ระบุว่า ระดับน้ำในลุ่มน้ำอู่ตะเภาปีนี้ สูงกว่าปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่หาดใหญ่เผชิญอุทกภัยครั้งใหญ่ จากการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ต้นน้ำ พบว่า ที่สถานีอำเภอสะเดา  ระดับน้ำอาจสูงถึง 1 เมตร 90 เซนติเมตร  จนถึงเช้าวันนี้ และคาดว่า พื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ อำเภอสะเดา /คลองหอยโข่ง โดยเฉพาะ หาดใหญ่ ระดับน้ำอาจสูง 2 เมตร ถึง 2 เมตร 20 เซนติเมตร

นอกจากนี้ยังพบว่า ฝนหนักได้เคลื่อนตัวลงพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง คือ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ซึ่งต้องเฝ้าระวังสูงสุด และมีโอกาสเกิด  น้ำป่าไหลหลาก  น้ำท่วมฉับพลัน  ในหลายอำเภอ และแม้สงขลา จะเริ่มมีฝนลดลง แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่น่ากังวล

อย่างไรก็ตาม สทนช.ขอให้ประชาชนทุกพื้นที่ที่มีคำสั่งอพยพ ให้รีบเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่เสี่ยงทันที และติดตามประกาศจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) อย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยทุกหน่วยงานยังคงเร่งประสานกันเพื่อควบคุมมวลน้ำและลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด

ด้าน นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า  เพื่อให้การปฎิบัติงานในพื้นที่น้ำท่วมใต้ เป็นไปตามนโยบายของกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง  ได้จัดตั้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ส่วนหน้า  ที่ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา พร้อมระดมทีม ปภ.ส่วนกลาง ร่วมสนับสนุนการทำงาน เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเกิดความคล่องตัว ครอบคลุม ทั่วถึง ทันต่อเหตุการณ์

ขณะนี้ ปภ.ได้ระดมสรรพกำลัง ทั้งทีมปฏิบัติการ ปภ. และเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากทุกศูนย์ ปภ.เขต ทั่วประเทศ ลงพื้นที่ภาคใต้ รวมกว่า 500 หน่วย ทั้งเครื่องสูบน้ำระยะไกล เครื่องสูบส่งน้ำ รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รถผลิตน้ำดื่ม รถประกอบอาหารพร้อมอุปกรณ์ รถบรรทุกน้ำ รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว เรือชนิดต่าง ๆ รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 จำนวน 1 ลำ พร้อมทีมนักบินและเจ้าหน้าที่กู้ภัยบนอากาศยาน “The Guardian Team” เข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะการเร่งสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่ การอพยพ เคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย การขนย้ายลำเลียงวัสดุอุปกรณ์และสิ่งของช่วยเหลือ รวมถึงแจกจ่ายอาหารและน้ำให้ประชาชน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่า สถานการณ์น้ำท่วม 10 จังหวัดภาคใต้ มีพื้นที่เสียหายรวมกว่า 4,146 หมู่บ้าน มีประชาชนเดือดร้อนกว่า 1 ล้าน 9 แสนคน หลายพื้นที่ต้องเผชิญกับปัญหาไฟฟ้าดับ ถนนสัญจรไม่ได้ และระบบประปาบางจุดหยุดทำงาน  ซึ่งจังหวัดสงขลาถูกจัดให้เป็นพื้นที่วิกฤตสุด หลังประกาศเขตภัยพิบัติครบทั้ง 16 อำเภอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง