รัฐบาลอังกฤษเตรียมประกาศนโยบายใหม่ กำหนดให้บ้านสร้างใหม่เกือบทั้งหมดในประเทศต้องติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาตั้งแต่ช่วงก่อสร้าง โดยมาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ภายใน 2 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2027
ตามรายงานของThe Timesระบุว่า การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์จะเพิ่มต้นทุนการก่อสร้างบ้านใหม่ระหว่าง 3,000 ถึง 4,000 ปอนด์ต่อหลัง (ประมาณ 135,000–180,000 บาท) แต่จะช่วยให้เจ้าของบ้านประหยัดค่าไฟได้มากกว่า 1,000 ปอนด์ต่อปี(ประมาณ 45,000 บาท)
นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนเร่งด่วนเพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero และยืนยันเจตนารมณ์ของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่นำโดยนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ (Keir Starmer) ซึ่งตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนในภาคพลังงานให้เป็นศูนย์ภายในปี 2030 พร้อมประกาศแผนสร้างบ้านใหม่ให้ได้ 1.5 ล้านหลังภายในวาระสภานี้ รวมถึงตั้งเป้าลดค่าไฟบ้านเรือนลงเฉลี่ย 300 ปอนด์ต่อปี(ประมาณ 13,500 บาท)
ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลยังอยู่ระหว่างการเตรียมแผนให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำและเงินสนับสนุนแก่เจ้าของบ้านเดิมที่ต้องการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่ารัฐบาลจะเดินหน้าแผน Net Zero อย่างต่อเนื่อง แม้จะถูกวิจารณ์จากอดีตนายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์
ก่อนการเลือกตั้งท้องถิ่นเพียงไม่กี่วัน แบลร์ออกมาเรียกร้องให้มีการ “รีเซ็ต” นโยบาย Net Zero ที่เขาเห็นว่า “ไร้เหตุผล” และ “ล้มเหลวตั้งแต่ต้น” โดยชี้ว่าประชาชนถูกขอให้เสียสละทางการเงินและปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ทั้งที่แทบไม่ส่งผลต่อการลดการปล่อยก๊าซทั่วโลก ความเห็นของแบลร์สร้างความไม่พอใจแก่หลายฝ่ายในรัฐบาล โดยเจ้าหน้าที่หมายเลข 10 ได้ติดต่อไปยังสถาบัน Tony Blair Institute for Global Change ให้ชี้แจง ซึ่งทางสถาบันได้ออกแถลงยืนยันว่า สนับสนุนนโยบาย Net Zero ของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ความเห็นของแบลร์สอดคล้องกับบางกลุ่มแรงงาน เช่น สหภาพ Unite ซึ่งมีสมาชิกจำนวนมากในอุตสาหกรรมพลังงาน โดยเลขาธิการใหญ่ของ Unite ชารอน เกรแฮม กล่าวกับ Times Radio ว่า “ปัญหาคือเราพูดถึง Net Zero โดยไม่พูดถึงเรื่องงานเลย” พร้อมชี้ว่าอุตสาหกรรมใหม่ เช่น พลังงานลม หรือเชื้อเพลิงการบินแบบยั่งยืน ยังไม่มีการลงทุนที่เป็นรูปธรรม และเตือนว่าหากดำเนินนโยบายโดยไม่คำนึงถึงแรงงาน “เราก็จะโยนคนทำงานลงถังขยะ”
ในขณะที่หลายภาคส่วนวิจารณ์ แต่กลุ่มนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมต่างชื่นชมทิศทางใหม่นี้ “ลิลี่-โรส เอลลิส” นักเคลื่อนไหวจาก Greenpeace UK กล่าวถึงนโยบายใหม่ว่า “เราปล่อยให้พลังงานฟรีจากดวงอาทิตย์ที่ตกกระทบบ้านเราทุกวันสูญเปล่ามานานเกินไป นี่คือการตัดสินใจที่สมเหตุสมผลซึ่งจะช่วยให้คนในบ้านใหม่ประหยัดเงินได้หลายร้อยปอนด์ต่อปี” ด้าน โฆษกรัฐบาลยังกล่าวเสริมว่า “เราแสดงจุดยืนมาโดยตลอดว่า ต้องการให้มีแผงโซลาร์เซลล์ในบ้านใหม่ให้มากที่สุด เพราะเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่จะช่วยลดค่าใช้จ่าย เสริมความมั่นคงทางพลังงาน และเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย Net Zero”
รัฐบาลจะประกาศรายละเอียดสุดท้ายของแผนนี้ผ่านมาตรฐาน “Future Homes Standard” ซึ่งมุ่งหมายให้บ้านใหม่ทุกหลังมีประสิทธิภาพพลังงานสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในอนาคต