บัญชีม้าไม่ใช่เรื่องเล็ก เมื่อความเสียหายทะลุ 2,200 ล้านบาท

เจาะปฏิบัติการระเบิดสะพานโจร เชื่อมโยงคนจีนเปิดบัญชีในไทย พนักงานธนาคารไทยร่วมขบวนการ
จากแจ้งความออนไลน์สู่เครือข่ายบัญชีม้าระดับประเทศ
ข้อมูลที่ปรากฏในระบบแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แสดงให้เห็นว่าการฉ้อโกงผ่านบัญชีม้าไม่ได้เป็นเพียงพฤติกรรมผิดกฎหมายรายย่อย แต่กลายเป็นโครงข่ายข้ามชาติที่เชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน ความเสียหายจากบัญชีเพียง 15 บัญชี ขยายไปสู่คดีมากกว่า 2,000 รายการ มูลค่ารวมกว่า 2,200 ล้านบาท
ต้นทางของปฏิบัติการเริ่มจากการสืบสวนร่วมระหว่างกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 2 ที่พบพฤติกรรมผิดปกติของกลุ่มชาวจีนเดินทางเข้าไทยด้วยวีซ่าท่องเที่ยว เปิดบัญชีธนาคารในพื้นที่บางละมุง จังหวัดชลบุรี แล้วรีบถอนเงินออกภายใน 1-2 วัน ก่อนจะเดินทางออกนอกประเทศอย่างรวดเร็ว
วีซ่าท่องเที่ยวและช่องว่างในระบบธนาคาร
กลุ่มผู้ต้องหาซึ่งเป็นชาวจีน 4 คน ใช้หนังสือเดินทางและข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกต้องในการเปิดบัญชี แต่มีพฤติกรรมเข้าข่ายอาชญากรรมทางการเงิน โดยมีการเบิกถอนเงินสดจำนวนมากผ่านตู้ ATM และเคาน์เตอร์ธนาคารเกือบ 100 ล้านบาทภายในไม่กี่วัน
การตรวจสอบภายหลังพบว่าบัญชีเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงเหยื่อในคดีออนไลน์ โดยมีการโอนเงินจากเหยื่อเข้าไปในบัญชี และกระจายออกไปยังบัญชีอื่น รวมกว่า 462 บัญชี มีการแจ้งความร้องทุกข์แล้วทั้งสิ้น 2,084 คดี
ความเชื่อมโยงระหว่างต่างชาติ เอเจนซี่ และพนักงานธนาคารไทย
การเปิดบัญชีของกลุ่มชาวจีนไม่ได้เกิดขึ้นโดยลำพัง รายงานจากตำรวจระบุว่ามีเอเจนซี่ ล่าม และพนักงานธนาคารชาวไทยให้ความช่วยเหลือในการดำเนินการต่าง ๆ โดยไม่ตรวจสอบข้อมูลผู้เปิดบัญชีอย่างเข้มงวด หน่วยสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ดำเนินคดีเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องแล้ว 5 ราย
การมีส่วนร่วมของเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยกลายเป็นจุดอ่อนสำคัญของระบบสถาบันการเงินที่เปิดทางให้ต่างชาติใช้ประเทศไทยเป็นฐานฟอกเงินผ่านช่องทางบัญชีม้า แม้มีมาตรการคัดกรองผู้เปิดบัญชี แต่การไม่บังคับใช้กฎอย่างจริงจังทำให้ขบวนการสามารถเจาะทะลุแนวป้องกันได้อย่างต่อเนื่อง
เงินที่หายไป กับคำถามเรื่องความรับผิดชอบ
ยอดความเสียหายกว่า 2,200 ล้านบาท ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตัวเลขในระบบ แต่หมายถึงทรัพย์สินที่หายไปจากประชาชนหลายพันคนซึ่งถูกหลอกลวงผ่าน SMS ปลอม เว็บไซต์ธนาคารปลอม หรือสายโทรศัพท์ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
เหยื่อหลายรายสูญเงินทั้งหมดในบัญชี บางรายสูญเงินเก็บทั้งชีวิต การแจ้งความออนไลน์อาจเป็นทางออกชั่วคราว แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ในเชิงความรู้สึกและความเชื่อมั่น
แนวทางขยายผลและข้อจำกัดของระบบรัฐ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างการขยายผลไปยังกลุ่มผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม รวมถึงติดตามเส้นทางการเงินและการยึดทรัพย์ ขณะที่รัฐบาลภายใต้การนำของแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายเร่งรัดให้กวาดล้างแก๊งคอลเซนเตอร์ให้หมดภายในปี 2568 โดยมุ่งทำลายโครงสร้างสนับสนุน ทั้งบัญชีธนาคาร ซิมโทรศัพท์ และระบบขนส่ง
แต่ความซับซ้อนของขบวนการ รวมถึงความเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วน อาจทำให้การดำเนินงานต้องเผชิญกับข้อจำกัดทางการเมืองและโครงสร้างราชการ
ระบบที่รั่วต้องแก้จากโครงสร้าง ไม่ใช่แค่ปลายเหตุ
การจับกุมผู้ต้องหาได้บางส่วนไม่ได้หมายความว่าภัยไซเบอร์จะสิ้นสุด ขณะที่ปฏิบัติการ “ระเบิดสะพานโจร” เป็นความพยายามในระดับนโยบายเพื่อขจัดรากฐานของขบวนการ แต่การปรับปรุงระบบธนาคาร การตรวจสอบวีซ่าท่องเที่ยว และการยกระดับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ยังเป็นโจทย์ที่ต้องดำเนินต่อในระยะยาว
ระบบที่เปิดช่องให้ต่างชาติเข้ามาเปิดบัญชีได้ง่าย การอนุญาตถอนเงินจำนวนมากโดยไม่ตั้งคำถาม และการขาดเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้บัญชีม้าไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป