รีเซต

RMLผนึกพันธมิตรร่วมทุน แตกไลน์รุกดาต้าเซ็นเตอร์

RMLผนึกพันธมิตรร่วมทุน แตกไลน์รุกดาต้าเซ็นเตอร์
ทันหุ้น
13 พฤษภาคม 2565 ( 12:26 )
117

#RML #ทันหุ้น – RML ปรับแผนรุกปี 2565 ลุยเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาท อ้าแขนรับพันธมิตรร่วมสานฝันโครงการใหม่ วางเป้ายอดขายแตะ 7.2 พันล้านบาท และรายได้รวม 2.2 พันล้านบาท อวดแบ็กล็อกในมืออีก 5 พันล้านบาท เล็งแตกไลน์ธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ คาดปลายปีนี้ได้ข้อสรุป

 

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทวางเป้ายอดขายไม่น้อยกว่า 7,200 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ Rosewood Residences Kamala เรสซิเดนซ์ระดับ Ultra-Luxury สุดหรูแห่งแรกในจังหวัดภูเก็ต มูลค่าประมาณ 7,800 ล้านบาท อีก 2โครงการที่เหลือเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ อยู่ในพื้นที่กรุงเทพ ย่านสุขุมวิท มูลค่าราว 5,500 ล้านบาท อาจเป็นในลักษณะการร่วมทุนรูปแบบ Branded Residences กับพันธมิตรต่างชาติในโซนเอเชียและโครการแนวราบ 1 โครงการ

 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการ Tait Sathorn 12 (เทตต์ สาทร ทเวลฟ์) ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม High-Rise ระดับลักซ์ชัวรี่ใจกลางย่านสาทร ขนาด 235 ห้องชุด ที่อยู่ระหว่างการขายต่อเนื่อง ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80% ของโครงการ หลังจากเปิดขายโครงการตั้งแต่ไตรมาส 2/2562และคาดว่าจะสร้างเสร็จและเริ่มทยอยส่งมอบได้ในไตรมาส 3/2566 เป็นต้นไป

 

ขณะที่โครงการอาคารสำนักงานระดับลักซ์ชัวรี่ One City Centre (OCC) ขนาด 61 ชั้น มีพื้นที่รวมทั้งสิ้นกว่า 61,000ตารางเมตรนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบและรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ในไตรมาส 1/2566เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมามีการเซ็นสัญญาเช่ากับลูกค้าแล้วประมาณ 5,000 ตารางเมตร และยังมีสัญญาเช่าที่อยู่ระหว่างรอเซ็นกับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศอีกมากกว่า 30,000ตารางเมตร

 

*รายได้ปีนี้ 2.2 พันล.

ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทวางเป้ารายได้รวมไว้ที่ระดับ 2,200 ล้านบาท หลักๆ มาจากการรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ โครงการ The Estelle Phrom Phong (ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์) มูลค่าโครงการกว่า 5,200 ล้านบาท ที่จะเริ่มทยอยส่งมอบในไตรมาส 3/2565 เป็นต้นไป ซึ่งในปัจจุบันมียอดขายแล้ว 60% ขณะเดียวกันบริษัทยังมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ในมือ (Backlog) อีกกว่า 5,000 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้เข้ามาเป็นรายได้อย่างต่อเนื่อง

 

"กลยุทธ์จากนี้เราจะมีการปรับพอร์ตรายได้ให้มีสัดส่วนของแนวราบมากขึ้นเป็น 20-30% ของรายได้รวม ภายในระยะเวลา 3-5 ปีจากนี้ เพราะใช้เวลาก่อสร้างไม่นาน สร้างการรับรู้รายได้เร็ว ไม่มีช่วงฟันหลอเหมือนคอนโด ที่ใช้เวลาในการสร้างที่นานกว่า 2 ปี อีกทั้งยังมองการดึงเอาเจ้าของที่ดินมาร่วมทุนพัฒนาโครงการร่วมกันกับเรา เพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมถึงมีเป้าหมายสร้างอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบ Branded  Residences" นายกรณ์ กล่าว

 

*รุกธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์

ส่วนแผนการลงทุนในปี 2565 นั้น บริษัทวางไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะใช้ในการลงทุนก่อสร้างเป็นหลัก ขณะที่แหล่งเงินทุนจะมาจากการออกหุ้นกู้, การกู้ยืมจากสถาบันการเงิน โดยปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ระดับ 0.69 เท่า อีกทั้งบริษัทยังมีเงินทุนจากพันธมิตรที่ร่วมพัฒนาโครงการด้วยกัน สำหรับการจัดหาที่ดินแปลงใหม่นั้น จากนี้อาจเป็นการดึงเจ้าของที่ดินมาร่วมเป็นพันธมิตรในการพัฒนาโครงการร่วมกัน

 

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีความสนใจหาธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับบริษัทได้เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากการให้เช่าพื้นที่สำนักงาน โดยปัจจุบันบริษัทเตรียมลงทุนธุรกิจศูนย์กลางคลังข้อมูล (ดาต้า เซ็นเตอร์) ที่เป็นระบบคลายความร้อนด้วยระบบน้ำ (Water Cooling) ซึ่งบริษัทได้สิทธิในการพัฒนาโครงการจากพันธมิตรระดับโลก Nautilus Data Technology ตอนนี้อยู่ระหว่างการหาทำเล (Site) เบื้องต้นคาดว่าไม่เกินปลายปีนี้จะได้ข้อสรุป

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง