รีเซต

วิกฤตโควิด-19 บทพิสูจน์-ความท้าทาย CEO หน้าใหม่ในตลาด

วิกฤตโควิด-19 บทพิสูจน์-ความท้าทาย CEO หน้าใหม่ในตลาด
TNN ช่อง16
11 สิงหาคม 2564 ( 18:56 )
78

ภาคอสังหาริมทรัพย์ นับเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนจากสถานการร์การแพร่ระบาดของโควิด-19  กำลังซื้อที่หายไปจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์  ทำให้ตลาดอสังหาซึมตัวมาอย่างต่อเนื่อง 

 

บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML เป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีกลุ่มลูกค้าชัดและเฉพาะเจาะจง เน้นกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยประเภทลักชัวรี่ และ อัลตร้าลักชัวรี่  ที่แม้ว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะยังมีกำลังซื้อ อาจจะไม่มีผลกระทบไม่มากแต่ด้วยสถานการณ์อาจส่งผลในเชิงจิตวิทยาต่อการตัดสินใจซื้อไม่มากก็น้อย ล่าสุด บริษัทได้ปรับเปลี่ยนบาทบาทประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่  โดยได้ “กรณ์ ณรงค์เดช” เข้ามาแก้เกมแม้ว่าจะบริหารงานในตำแหน่งนี้มาแล้วกว่าครึ่งปี แต่การรับมือกับโควิด-19 ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด 

 

ด้วยประสบการณ์คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์กว่า 20 ปี เรียกว่าการเข้ามาบริหารงานพร้อมความท้าทายครั้งใหม่ ประเดิมด้วยการปรับภาพลักษณ์หรือ Rebranding บริษัทให้ก้าวสู่ความเป็นผู้นำของตลาดลักชัวรี่ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ และทุกเจเนอเรชั่นที่มีกำลังซื้อของตลาดระดับบน (Top Spender) มากขึ้น จึงได้ปรับการออกแบบโลโก้และธีมสีของแบรนด์บริษัทให้มีความสดใส โดยให้ยังคงภาพลักษณ์ของความเป็นผู้นำเทรนด์ด้านการออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ เรียกได้ว่า รักษาฐานลูกค้าเดิม และ เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ขยายวงกว้างมากขึ้น

 

 

ในช่วงที่ “กรณ์” เข้ามาบริหารงานนั้นได้เผชิญกับความท้าทายที่อยู่นอกแผนงาน นั่นก็คือวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้มีปัจจัยลบต่อภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปี 64 ตั้งแต่ช่วงต้นปี แต่ธุรกิจยังต้องเดินหน้าต่อไป ด้วยกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนของ RML    เน้นเจาะกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยประเภทลักชัวรี่ และ อัลตร้าลักชัวรี่ อีกทั้งที่ตั้งโครงการอยู่ในย่าน CBD  (Central Business District)  ใจกลางธุรกิจที่มีจำนวนจำกัด จึงตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง เชื่อว่าทำให้กำลังซื้อกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว 

 

เมื่อ RML มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และทำเลที่ตั้งโครงการที่มีจำนวนจำกัด ถือว่าเป็นต่อในการทำธุรกิจ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจ “กรณ์” ต้องทำงานอย่างหนัก เร่งปรับกลยุทธ์บริษัทให้รองรับวิถี New Normal ของลูกค้าในทุกรูปแบบ โดยมุ่งเน้นการลงทุนเฉพาะในประเทศไทยและ Core Business เป็นหลัก และตระหนักถึงความสำคัญเรื่องความปลอดภัย สอดคล้องกับมาตรฐานและข้อกำหนด ป้องกันมิให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด – 19  พร้อมยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดสูงสุดตั้งแต่ลูกค้า ลูกบ้าน พนักงาน ไปจนถึงคู่ค้า 

 

รวมถึงการใช้วิธีนัดหมายลูกค้าที่คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าสูงสุด  อีกทั้งยังนำนวัตกรรม RAIMON iConnect ส่งเสริมด้านการตลาดมาใช้ในช่องทาง O2O (Online to Offline) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ลูกค้าสามารถเยี่ยมชมโครงการแบบเสมือนจริงในแบบ Virtual Tour 360° ตลอด 24 ชั่วโมง  เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) และต้องการซื้อที่อยู่อาศัยพร้อมเข้าอยู่ได้ทันที  รวมถึงกลุ่มนักลงทุนที่มีความพร้อมในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ได้รับความสะดวกในการเข้าถึงสินค้าประเภทอสังหาริมทรัพย์ได้ทุกที่ทุกเวลา  และสามารถดำเนินการจอง ซื้อ โอน ได้ทันทีแม้อยู่ที่บ้าน ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งหลังจากการใช้กลยุทธ์นี้ ทำให้เกิดผลตอบรับที่ดี มียอดจองในแต่ละโครงการเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในสถานการณ์จำกัดการเดินทาง 

 

RML ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ ถือเป็นเบอร์ 1 ตลาดอสังหาฯหรู ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 12% มีโครงการหลักที่กำลังก่อสร้างและเปิดขายอยู่จำนวน 3 โครงการ บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ใกล้แนวรถไฟฟ้าย่าน CBD (Central Business District) คือ

 

1.โครงการ The Estelle Phrom Phong  (ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์) มูลค่าโครงการ 5,600 ล้านบาท 

2.โครงการ TAIT Sathorn 12 (เทตต์ สาทร ทเวลฟ์)  มูลค่าโครงการ 4,300 ล้านบาท 

3. โครงการ “One City Centre” (OCC) อาคารสำนักงานเกรดเอให้เช่า บนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองบนถนนเพลินจิต มูลค่าลงทุนกว่า 8,800 ล้านบาท 

 

 

นอกจากนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการระดับอัลตร้าลักชัวรี่เพิ่มอีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท โดยยังคงเน้นที่ตั้งโครงการในทำเลศักยภาพ และ มีดีมานด์อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการพื้นที่สุขุมวิท 38, โครงการสุขุมวิทตอนกลาง และ โครงการ Ultra Luxury Ocean Front Beach 

 

ก่อนการลงทุนพัฒนาโครงการแต่ละโครงการ จะมีการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการอย่างละเอียด มีการวางแผนงานอย่างรอบคอบ ตั้งแต่การจัดหาที่ดิน ภาวะตลาด ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เงินลงทุนและผลตอบแทนจากการลงทุน อุปสงค์และอุปทานของตลาดคอนโดมิเนียม รวมไปถึงการติดตามมาตรการภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนการดำเนินงานก่อสร้างให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ทั้งหมดเพื่อการสร้างคุณภาพและสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

 

ดังนั้น RML ภายใต้การบริหารงานโดย CEO คนใหม่ คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายรายได้สิ้นปีอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท จากการทยอยรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ  5,700 ล้านบาท และ มีโครงการที่รอพร้อมโอนอยู่ประมาณ 8,000 ล้านบาท แม้ว่าจะมีสถานการณ์ที่ทำให้ภาพรวมตลาดต้องหยุดชะงักลง แต่บริษัทยังปรับตัวได้ดี จากการเข้าถึงความต้องการและใช้กลยุทธ์ทั้งออนไลน์,ออฟไลน์ รวมถึงบริการหลังการขายเพื่อครองใจกลุ่มลูกค้าหลัก  และ ยังคงมุ่งมั่นรักษามาตรฐานการเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่มาตลอด 34 ปี

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง