รีเซต

ลดพึ่งจีน! "Apple" ปักหมุดเวียดนามฐานผลิตสมาร์ตโฮม

ลดพึ่งจีน! "Apple" ปักหมุดเวียดนามฐานผลิตสมาร์ตโฮม
TNN ช่อง16
17 ตุลาคม 2568 ( 12:52 )
13

บริษัท แอปเปิล กำลังขยายฐานการผลิตในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันตลาดสมาร์ตโฮม ที่กำลังเติบโต และเป็นความพยายามต่อเนื่องในการลดพึ่งพาการผลิตในจีน โดยกำลังพัฒนาอุปกรณ์ภายในบ้านรุ่นใหม่ ซึ่งจะเริ่มเปิดตัวตั้งแต่ในปีหน้าเป็นต้นไปซึ่งจะรวมถึงกล้องวงจรปิดภายในอาคาร, จอแสดงผล ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้าน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และ หุ่นยนต์ตั้งโต้ะแบบล้ำสมัยมากขึ้น เพราะจะสามารถใช้มอเตอร์และเซ็นเซอร์ในการเคลื่อนที่ได้

สำนักข่าว บลูมเบิร์ก รายงานว่า ผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 กลุ่มนี้ กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิตที่เวียดนาม 

ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแนวทางการสร้างผลิตภัณฑ์ประเภทใหม่ของแอปเปิล คือจากเดิม การจะผลิตอุปกรณ์ใหม่ ๆ จะเริ่มต้นขึ้นในประเทศจีนก่อน จากนั้นค่อยเพิ่มการผลิตไปยังที่อื่น หรือย้ายไปสถานที่อื่นต่อไป แต่สำหรับครั้งนี้ เป็นการเริ่มต้นผลิต ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เวียดนาม

นอกจากนี้ จะร่วมมือกับ บีวายดี ซึ่งรู้จักกันในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนรายใหญ่ แต่ในความร่วมมือนี้ บีวายดี จะมีบทบาทในห่วงโซ่อุปทานการผลิตอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ของ แอปเปิล มากขึ้น โดยจะรับผิดชอบตั้งแต่ การประกอบในขั้นสุดท้าย การทดสอบ และบรรจุภัณฑ์ ที่เป็นการจัดเตรียมเพื่อส่งให้กับลูกค้า และร้านค้าปลีก

และมีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า แอปเปิล กำลังวางแผนที่จะขยายการผลิต ไอแพด ร่วมกับ บีวายดี ในเวียดนาม อีกด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศโครงการริเริ่มดังกล่าวอย่างเป็นทางการ 

ปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายนี้ มีการผลิต ไอแพด, แอร์พอดส์, แอปเปิล วอตช์, แมค และ โฮมพอด รุ่นเดิม ในประเทศเวียดนามอยู่แล้ว การขยายกำลังการผลิตครั้งนี้ จึงเป็นการตอกย้ำถึงการพึ่งพาเวียดนามมากขึ้น ในฐานะศูนย์กลางการผลิตของของ แอปเปิล ที่มีแผนขยายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน เพื่อรับมือกับความตึงเครียดทางภูมิรัศศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น

ตลอดจนภัยคุกคามจากภาษีศุลกากรที่ยังคงดำเนินอยู่ และความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน เช่น กรณีช่วงโควิด 19 นโยบายล็อกดาวน์ที่เข้มงวดของจีน ทำให้โรงงานต้องหยุดชะงักและส่งผลกระทบต่อการส่งมอบสินค้าอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ตาม การย้ายฐานมาที่เวียดนาม ไม่ได้ช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรได้ เพราะสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากเวียดนาม จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 20 ภายใต้ภาษีศุลกากรแบบต่างตอบแทน ที่ประกาศโดยรัฐบาลทรัมป์ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน อินเดีย ได้กลายเป็นฐานการผลิต ไอโฟน สำหรับการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ และยังมีผลิตภัณฑ์บางอย่างของ แอปเปิล เช่น แมค (Mac) ก็มีการผลิตในมาเลเซีย และไทย ด้วยเช่นกัน 

บลูมเบิร์ก รายงานอีกว่า การที่ แอปเปิล เลือกให้เวียดนามเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าในบ้าน รุ่นใหม่ ยังสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของประเทศนี้ ว่ายังอยู่ในทิศทางขาขึ้น

จากไตรมาสที่ผ่านมา เศรษฐกิจของเวียดนามมีอัตราการเติบโตมากกว่าร้อยละ 8 และ การส่งออกยังคงร้อนแรง ล่าสุด เพิ่งจะได้รับการเลื่อนสถานะให้เป็น ตลาดเกิดใหม่ จาก ฟุตซี รัสเซล (FTSE Russell) ซึ่งเป็นการเลื่อนขั้นที่รอคอยมานาน และอาจช่วยดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้าสู่ประเทศได้อีกเป็นหลักพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Trinh Nguyen นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Natixis กล่าวว่า ขณะที่ประเทศอื่นๆ ติดอยู่ในภาวะชะงักงันทางการเมือง แต่เวียดนามได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วในการเจรจาลดภาษี และปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน ทำให้กลายเป็นผู้ชนะภายใต้ยุค ทรัมป์ 2.0 แม้จะมีภาษีสูง เพราะเวียดนามได้รับความนิยมในฐานะเป็นจุดหมายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ สำหรับบริษัทที่ต้องการกระจายความเสี่ยงออกจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น

นอกจาก แอปเปิล แล้ว ก่อนหน้านี้ เวียดนามยังดึงดูดผู้ผลิตรายใหญ่ระดับโลก ตั้งแต่ ซัมซุม อีเล็คทรอนิกส์ ไปจนถึง ไนกี้ อีกด้วย เพราะมีจุดแข็งทางด้านแรงงานมีทักษะ และประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก

ซึ่งก่อนหน้านี้ Tim Cook ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ แอปเปิล กล่าวว่า เวียดนามจะเป็นฐานผลิตทั้ง ไอแพค แมคบุ๊ค แอปเปิล วอตช์ และ แอร์พอดส์ เกือบทั้งหมด สำหรับตลาดอเมริกาด้วย ในขณะที่ ความคืบหน้าของผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้ง 3 รายการ ซึ่งกำลังผลิตอยู่ในเวียดนาม

ตามรายงานข่าว ระบุว่า อุปกรณ์ home hub หรือศูนย์ควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้าน จะมีหน้าจอสี่เหลียมขนาด 7 นิ้ว ถูกพัฒนาเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เกือบ 1 ปีก่อน และเดิมผลิตภัณฑ์นี้ มีกำหนดเปิดตัวในเดือนมีนาคม ปี 2025 เพื่อให้สอดรับกับการเปิดตัว Siri เวอร์ชันใหม่ แต่เนื่องจากซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ที่เป็นแกนหลักกลับถูกเลื่อนการเปิดตัวออกไป แอปเปิล จึงตัดสินใจชะลอการเปิดตัวอุปกรณ์ตัวนี้ตามไปด้วย และตั้งเป้าหมายใหม่ ที่จะเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า (2026)

ส่วนราคาจะอยู่ที่ประมาณ 350 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่า HomePod ขนาดปกติ อยู่ประมาณ 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ และสูงกว่าผลิตภัณฑ์ของคู่แข่งอย่างมาก จากทั้งของ แอมะซอน และ กูเกิล ทำให้ทีมปฏิบัติการของ แอปเปิล กำลังพิจารณาวิธีลดต้นทุนการผลิต โดยหวังจะสามารถลดราคาลงได้ ไม่ว่าจะสำหรับการเปิดตัวครั้งแรกหรือรุ่นต่อ ๆ ไป 

รายการถัดไป คือกล้องวงจรปิด หรือกล้องรักษาความปลอดภัยในอาคาร มีกำหนดวางจำหน่ายในปลายปีหน้า

และผลิตหุ่นยนต์ตั้งโต้ะ จะมีรูปร่างคล้ายกับหน้าจอของ home hub แต่จะติดตั้งอยู่บนแขนกล ที่สามารถขยับหน้าจอไปรอบ ๆ พื้นที่ที่ทำงาน หรือในห้องครัวของผู้ใช้งานได้ โดยจะมีหน้าจอขนาดเท่ากับ ไอแพด แต่จะใหญ่กว่าอุปกรณ์ home hub อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหาทางวิศกรรม และความพยายามที่จะหาวิธีใช้ เอไอ ที่น่าสนใจสำหรับอุปกรณ์นี้ ทำให้การเปิดตัวจะถูกเลื่อนออกไป โดยคาดว่าจะใช้เวลาอีกราว 2 ปีนับจากนี้ (คือปี 2027) 

แอปเปิลตั้งเป้าราคาสำหรับอุปกรณ์นี้ไว้ที่ระดับหลายร้อยดอลลาร์ สะท้อนถึงต้นทุนที่สูงขึ้นของชิ้นส่วนหุ่นยนต์ และค่าใช้จ่ายในการพัฒนา เนื่องจากเป็นโครงการที่มีจุดเริ่มต้น มาจากโครงการรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของ แอปเปิล ที่ถูกระงับไปก่อนหน้านี้ ซึ่งในตอนนั้นมีทีมงานที่เน้นการทำงานด้านหุ่นยนต์อยู่ด้วย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง