‘ททท.’ แจงยิบ กางรายละเอียดแผนเปิดประเทศรับต่างชาติ
นายยุทธศักดิ์ สุภัสสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า แผนการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เน้นเฉพาะกลุ่มที่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 แล้ว โดยได้นำร่องเปิดตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 หรือนับเป็นไตรมาส 2/2565 ในพื้นที่หลัก 6 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา เกาะสมุย ชลบุรี (พัทยา) และเชียงใหม่ ซึ่งกำหนดให้ต้องกักตัว 7 วันพื้นที่โรงแรม และไปเที่ยวในเส้นทางจำกัด (Sealed route) ที่กำหนดไว้ได้ แต่ไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกพื้นที่ โดยการเปิดรับต่างชาติในเดือนเมษายน ถือเป็นการส่งสัญญาณให้ต่างชาติรู้ว่า ไทยพร้อมเปิดให้ท่องเที่ยวอีกครั้งแล้ว เพื่อให้ตัวแทนผู้ประกอบการทัวร์นำเที่ยวในประเทศต่างๆ เริ่มจัดโปรโมชั่นมาเที่ยวไทย ในดือนเมษายน จึงไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะมีต่างชาติเข้ามาได้จำนวนมากนัก เพราะอยู่ในช่วงการเตรียมตัวของทั้งนักท่องเที่ยว ภาครัฐและผู้ประกอบการในประเทศเองด้วย
“ททท. ไม่ได้คาดหวังว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะข้ามามากนัก เพราะประเทศระยะใกล้ในเอเชีย อาทิ จีนที่เป็นตลาดหลักของไทย ยังไม่มีนโยบายเปิดให้คนเดินทางไปเที่ยวนอกประเทศ และมีบางประเทศที่มีข้อจำกัดคือ หากออกไปเที่ยวต่างประเทศ จะต้องกลับไปกักตัว 14-21 วันด้วย บวกกับบางประเทศในภูมิภาคยุโรป ที่แม้จะไม่กำหนดให้คนไปเที่ยวต่างประเทศ ต้องกักตัวเมื่อกลับเข้าประเทศ แต่ช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูการเดินทางท่องเที่ยว แต่อยู่ในช่วงการรับวัคซีนต้านโควิด-19 โดยเฉพาะอังกฤษ หากออกนอกประเทศจะถูกปรับเป็นเงิน 5,000 ปอนด์ จึงต้องรอหลังวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ซึ่งจะอนุญาตให้ออกได้อีกครั้ง” นายยุทธศักดิ์ กล่าว
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไตรมาส 3/2564 (กรกฎาคม-กันยายน) เป็นช่วงเวลาที่รอคอยในการกลับมาเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้งของต่างชาติมากกว่า เพราะเป็นการท่องเที่ยวภายใต้โมเดลแซนด์บ๊อกซ์ ที่จะนำร่องในภูเก็ตก่อน โดยไม่มีการกักตัว แต่ต้องอยู่ในพื้นที่อย่างน้อย 7 คืน เน้นเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้วเท่านั้น โดยเบื้องต้นได้เสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ซื่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประมาณ 100,000 คน แต่อาจมีมากกว่านั้น ประเมินจากสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศ ที่รายงานเข้ามา เนื่องจากไตรมาส 3 เป็นช่วงที่หลายประเทศฉีดวัคซีนให้กับพลเมืองจำนวนมากแล้ว จึงน่าจะต้องการท่องเที่ยวมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาคงมีความอัดอั้นมากพอสมควร ประกอบกับเป็นช่วงเริ่มต้นออกเดินทางท่องเที่ยวของคนในภูมิภาคยุโรปด้วย แต่หัวใจหลักยังเป็นการกระจายฉีดวัคซีนในประเทศ โดยเฉพาะในภูเก็ต ที่คนในพื้นที่ต้องได้รับวัคซีนไม่น้อยกว่า 70% เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้น
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับไตรมาส 4/2564 (ตุลาคม-ธันวาคม) จะเปิดให้ท่องเที่ยวได้แบบไม่ต้องกักตัว โดยมีพื้นที่นำร่อง ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา เกาะสมุย ชลบุรี (พัทยา) และเชียงใหม่ ซึ่งแต่ละพื้นที่ต้องนำเสนอแผนพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนเข้ามาให้พิจารณาด้วย เพื่อสามารถตอบคำถามกับสังคมได้ว่า เหตุใดจึงเลือกพื้นที่เหล่านี้นำร่องรับต่างชาติ โดยเหตุที่เลือก 6 พื้นที่ดังกล่าวมานำร่องก่อนนั้น เป็นเพราะพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญ เป็นที่รู้จักระดับโลก รวมถึงพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติในระดับสูง และมีความพร้อมของสนามบินนานาชาติด้วย
“หากทำตามแผนที่วางไว้ทั้งหมดนี้ จะสามารถทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 6.5 ล้านคน และสร้างรายได้ 350,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้หรือไม่ ยังตอบยากในขณะนี้ เพราะช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยจำนวนมากๆ คงเป็นไตรมาส 4 แต่สถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงได้ตลอด มีหลายปัจจัยประกอบ อาทิ ช่วงเวลานั้นจีนจะให้นักท่องเที่ยวออกนอกประเทศได้หรือไม่ โดยตอนนี้ความสำคัญคือ หากจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ได้ตามเป้า แต่จำนวนรายได้ทำได้ตตามเป้าหมายที่วางไว้ ก็จะสามารถชดเชยกันได้” นายยุทธศักดิ์ กล่าว