ABM จับตาQ3 ผลงานฟื้น เดินหน้าโรงไม้สับเต็มสูบ
ABM ส่งซิกผลงานไตรมาส 3/2566 ฟื้น เดินหน้าโรงงานไม้สับ 2 โรงเต็มสูบ หนุน Utilization ชน 80% ลั่นมาร์จิ้นสูง 12% เชื่อดันผลงานโต ฟากผู้บริหารมองโค้งแรกพ้นจุดต่ำสุด เดินหน้าปั๊มยอดขายเชื้อเพลิงชีวมวล 3-5 ปีโตเฉลี่ยปีละ 20-30%
นายปองธรรม แดนวังเดิม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) หรือ ABM ผู้ประกอบธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวมวล เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 2/2566 ที่ผ่านมาเริ่มปรับตัวดีขึ้น จากไตรมาส 1/2566 มีผลขาดทุน 33.21 ล้านบาท หลังจากต้นทุนเชื้อเพลิงชีวมวลกลับสู่ภาวะปกติ โดยต้นปี 2566 ที่ผ่านมาราคาถ่านหินลดลง ทำให้ปริมาณยอดขายเชื้อเพลิงชีวมวลปรับตัวลดลง ประกอบกับการแข่งขันสินค้าเชื้อเพลิงชีวมวลดุเดิอดหลังมีผู้ประกอบการายใหม่เข้ามาดำเนินธุรกิจนี้ ส่งผลให้ยอดขายสินค้าเชื้อเพลิงชีวมวลปรับตัวลดลง
** ดันยอดขายฟื้น
ขณะที่ทิศทางต้นทุนวัตถุดิบ และยอดขายเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 ดังนั้นคาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2566 จะขาดทุนลดลง และดีต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 3/2566 ซึ่งบริษัทคาดผลประกอบการตั้งแต่ไตรมาส 3/2566 หากเทียบกับไตรมาสต่อไตรมาสคาดจะพลิกเป็นบวก แต่ยังไม่ครอบคลุมผลประกอบการตั้งแต่ต้นปี 2566 เนื่องจากไตรมาส 1/2566 บริษัทมีผลขาดทุนค่อนข้างมากถึง 33.21 ล้านบาท
“เรามองว่าผลงานในไตรมาส 1 เป็นจุดต่ำสุดของธุรกิจ ABM แล้ว และจะค่อยๆ ฟื้นตัวในไตรมาส 2 เป็นต้นไป ส่วนในไตรมาส 3 และ 4 คาดผลงานจะดีขึ้นตามยอดขายเชื้อเพลิงชีวมวล และโรงงานไม้สับที่เราไปเทกโอเวอร์มา” นายปองธรรม กล่าว
ล่าสุดบริษัทเข้าซื้อกิจการโรงไม้สับ จาก บริษัท ยานอส (ไทยแลนด์) จำกัด มูลค่ารวม 1.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 45 ล้านบาท สำหรับการเข้าซื้อโรงไม้สับดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีกำลังผลิตในกลุ่มไม้สับได้อีกประมาณ 8 ตันต่อปี อีกทั้งทำเลที่ตั้งใกล้วัตถุดิบ ทำให้สะดวกในการขนส่งทั้งทางบกและทางน้ำ
** เดินโรงไม้สับ
ขณะเดียวกันไตรมาส 3/2566 บริษัทจะเดินเครื่องโรงไม้สับ จำนวน 2 โรงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หลังบริษัทเข้าเทกโอเวอร์โรงไม้สับ ซึ่งตั้งอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคอีสานมาแล้วทั้ง 2 โรง เบื้องต้นคาดโรงไม้สับทั้ง 2 โรงจะค่อยๆ เพิ่ม Utilization ให้เป็น 80% จากการก่อนหน้านี้กำลังผลิตปรับตัวลดลง สำหรับอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูงถึง 12%เมื่อเทียบกับกลุ่มไม้สับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงชีวมวล
ทั้งนี้ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลมีอัตรากำไรต่ำเป็นปกติ โดยเฉลี่ยบริษัทจะมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ 1-2% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ในระดับไม่มากนัก ซึ่งบริษัทจะพยายามควบคุมต้นทุนการผลิต และเพิ่มยอดขายเพิ่มขึ้น รวมถึงผลักดันมาร์จิ้นให้กลับมาเป็นบวก
นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าปริมาณการขายเชื้อเพลิงชีวมวลใน 3-5 ปี จะเติบโตเฉลี่ยได้ปีละ 20-30%ส่วนรายได้คาดจะเติบโตไปตามปริมาณการขายในระดับเดียวกัน ปัจจุบันบริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้ง 6 กลุ่ม ได้แก่ กะลาปาล์ม, เชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง, ขี้กบ, ขี้เลื่อย, ไม้สับ และไม้ยางพารา
บริษัทมองดีมานด์เชื้อเพลิงชีวมวลในช่วง 3 ปี ต่อจากนี้จะเติบโตสูงเนื่องจากผู้ประกอบการต้องการลดคาร์บอนเพื่อสอดรับกับกระแสโลกที่มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero CHG Emission) และหันมาใช้เชื้อเพลิงชีวมวลแทนถ่านหิน คาดปัจจัยดังกล่าวจะสนับสนุนยอดขายเชื้อเพลิงให้มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น