รีเซต

ลุ้นมติแพทยสภา รอบ 2 ส่งผลต่อคดีทักษิณ ชั้น 14 แค่ไหน? สรุปคดีให้ครบ

ลุ้นมติแพทยสภา รอบ 2 ส่งผลต่อคดีทักษิณ ชั้น 14 แค่ไหน? สรุปคดีให้ครบ
TNN ช่อง16
11 มิถุนายน 2568 ( 17:52 )
20

12 มิ.ย. แพทยสภาจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาครั้งที่ 2 ว่า จะลงโทษแพทย์ 3 คนที่เกี่ยวข้องกับ คดีชั้น 14 ของ ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่? หลังมติครั้งก่อน ถูก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ใช้สิทธิวีโต้ อ้างไม่เป็นธรรมกับแพทย์ที่ถูกกล่าวหา

ย้อนบทลงโทษ แพทย์ 3 คน คดีนายทักษิณ ประกอบด้วย
แพทย์หญิง ผู้ตรวจร่างกายแรกรับผู้ต้องขังใหม่  โดนลงโทษตักเตือน เพราะ เขียนใบส่งตัวล่วงหน้า 
คือ ตรวจร่างกายกลางวัน  เขียนส่งตัวผู้ป่วยด่วนล่วงหน้า และผู้ป่วยถูกส่งตัวในตอนกลางคืน

แพทย์อีกสองท่าน ถูกลงโทษหนักกว่า พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 
ข้อหาออกเอกสารการแพทย์ไม่ตรงความจริง เนื่องจากผลสอบแพทยสภา ไม่พบว่ามีหลักฐานเชิงประจักษ์ ที่ยืนยันได้ว่า ผู้ป่วยมีภาวะวิกฤต ให้ข้อมูลไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้สังคมเข้าใจผิด

ซึ่งหากจะให้มติครั้งนี้ มีผลยืนตามมติเดิม กรรมการแพทยสภาต้องมาประชุมเกิน 35 คน และได้รับเสียงโหวตเกิน 2 ใน 3 หรือ 47 คน  มติเดิมจึงมีผลบังคับใช้ลงโทษได้ทันที หากผู้ถูกกล่าวหาไม่ร้องศาลปกครอง


ที่มาของคำถามจากสังคม “ทักษิณป่วยหนักจริงหรือไม่”


หลังนายทักษิณ ได้กลับบ้านเกิดในรอบ 17 ปี เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2566 ในฐานะ นักโทษชาย  แต่ข้อเท็จจริงกลับทำให้คนไทยตั้งคำถาม  เพราะเขาไม่ได้เข้าเรือนจำแม้แต่คืนเดียว  แต่ช่วงค่ำ กลับถูกคุมตัวไปยัง รพ.ตำรวจทันที  “ด้วยอาการป่วยวิกฤต” 
ก่อนที่ต่อมาจะเข้าเกณฑ์ พักโทษ คุมประพฤติ ณ บ้านจันทร์ส่องหล้า  และ 6 เดือนต่อมาเขาก็ได้กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ 

พร้อมกับภาพการปราศรัยบนเวทีการเมืองต่างๆ ดั่งผู้มีอิทธิพล แบบเลี่ยงไม่ได้ นำมาซึ่งการเรียกร้องให้ตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ทักษิณ ป่วยวิกฤตจริงหรือไม่?    ถึงได้รับสิทธิรักษาตัว นอกเรือนจำ แบบนี้

ที่มาของคดี ทักษิณ ชั้น 14  ที่ศาลนัดไต่สวน 23 มิ.ย. 68
ประเด็นที่ศาลรับคำร้องพิจารณาคือครั้งที่ 3  ของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์   ยื่นคำร้องให้ศาลไต่สวนว่า “การบังคับโทษของ นายทักษิณ ที่ราชทัณฑ์พาไปรักษาตัว รพ.ตำรวจ โดยไม่ขออนุญาตศาลก่อนนั้น  ขัดต่อ ป.วิ.อาญา  ม.246 หรือไม่” 

เพราะตามกฎหมาย ม.246  อาการนักโทษต้องวิกฤตมีผลต่อชีวิต และต้องขออนุญาตศาลก่อน จึงจะมีสิทธิ์ ได้รับการส่งตัวออกจากเรือนจำไปรักษาตัวที่ รพ.ได้  ซึ่งกรณีทักษิณ ไม่มีหลักฐานว่า “ศาลอนุญาต” แล้ว  และยังแนบ ใบเสร็จจาก รพ.ตำรวจ ที่ พบว่า  “เคสนี้จ่ายแต่ค่าห้องวันละ 10,000 บาท แต่ไม่พบค่ารักษา” แถมผลสอบแพทยสภาก่อนลงมติในคราแรก ชี้ชัดว่า  ไม่พบว่านักโทษชายรายนี้ มีภาวะวิกฤต 
  
จากข้อมูลที่ปรากฎต่อศาล ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงได้รับเรื่องไว้ไต่สวนและเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาไต่สวน 13 มิ.ย. 68  ก่อนทนายทักษิณจะขอเลื่อนเป็น 23 มิ.ย. 68 แต่แน่นอนว่าจะมีการนำ มติของแพทยสภา 12 มิ.ย. ไปเป็นส่วนหนึ่งประกอบ  เพื่อพิสูจน์ว่า การส่งตัวนี้ชอบธรรมหรือไม่?  และมาจาก อาการป่วยจริง   หรือ  มีกระบวนการ  ใช้อำนาจรัฐเข้าช่วยเหลือนักโทษ

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่การลงมติครั้งนี้ของแพทยสภาจึงสำคัญมากและถูกจับตาว่าจะสั่นคลอนเพราะแรงกดดันทางการเมืองหรือไม่? เพราะแม้มติสภา จะไม่สามารถทำให้สรุปได้ว่า นักโทษ ป่วยจริงหรือป่วยทิพย์  แต่มีผลต่อคดีชั้น 14 แน่นอน เพราะจะชี้ว่า กระบวนการส่งตัว มีรอยรั่ว มีคนทำผิดจริง ก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้คดี ชั้น 14 มีมูลความผิดจริงมากกว่า กลั่นแกล้งทางการเมือง
ทวงศรัทธาให้กระบวนการยุติธรรมไทย 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง