SCB กำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ที่ 12,056 ลบ. 10.2%

SCB กำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ที่ 12,056 ลบ. 10.2% YoY แรงหนุนกำไรจากเงินลงทุน รายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น 9.6%

#ทันหุ้น #SET #SCB บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) รายงานผลกำไรสุทธิประจำไตรมาส 3 ปี 2568 จำนวน 12,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจาก กำไรจากเงินลงทุน รายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ที่เติบโตแข็งแกร่ง และ การควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิรวม 37,344 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.8% จากปีก่อนหน้า

ในไตรมาส 3 ปี 2568 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 29,413 ล้านบาท ลดลง 9.9% จากปีก่อน เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิลดลงตามปริมาณสินเชื่อรวมที่หดตัว 3.3% ภายใต้นโยบายปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง

รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ อยู่ที่ 10,942 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% จากปีก่อน จากการเติบโตของธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง โดยเฉพาะการจำหน่ายผลิตภัณฑ์การลงทุนมูลค่าสูง รวมถึงค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมทางการเงิน ค่าธรรมเนียมสินเชื่อ และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้น

รายได้จากการลงทุนและการค้าอยู่ที่ 3,326 ล้านบาท ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากผลขาดทุนในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจาก กำไรจากพอร์ตการลงทุนของธนาคาร และบริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 17,575 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.2% จากปีก่อนหน้า สะท้อนถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) อยู่ที่ 40.2%

บริษัทฯ มีการตั้งสำรองลดลง 1.3% จากปีก่อน เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ โดยเฉพาะการปรับตัวดีขึ้นของ บริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด ทั้งนี้ได้รวม สำรองพิเศษเพิ่มเติมจำนวน 1,400 ล้านบาท เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในอนาคต ส่งผลให้อัตราส่วน Coverage Ratio ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 161.7%

แม้เผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยภายนอก บริษัทฯ ยังคงสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้ดี โดย อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 3.30% ลดลงจาก 3.38% ในปีก่อนหน้า ขณะที่ เงินกองทุนตามกฎหมายของบริษัทฯ อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.9%

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าตามกลยุทธ์ที่วางไว้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งที่เติบโตอย่างมั่นคง อันเป็นผลจากการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนศักยภาพบุคลากรในการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงชีวิต พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มและผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเปิดโอกาสการลงทุนแบบไร้พรมแดน ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง โดยมีเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจนี้ภายในปี 2569”

นอกจากนี้ นายอาทิตย์ยังกล่าวถึง โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย โดยระบุว่า หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาการลงทะเบียน ณ สิ้นไตรมาสที่ผ่านมา มีลูกหนี้เข้าร่วมและได้รับความช่วยเหลือแล้วเป็นยอดหนี้รวมกว่า 60,000 ล้านบาท

แม้เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความท้าทายหลายด้าน บริษัทฯ ยังคงเดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุกในการปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับ การบริหารต้นทุนเชิงกลยุทธ์ ผ่านการปรับกระบวนการทำงานด้วย เทคโนโลยี AI และนวัตกรรม เพื่อออกแบบระบบการดำเนินงานใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่เพียงการลดค่าใช้จ่ายเฉพาะจุดหรือการปิดสาขา แต่เป็นการปรับโครงสร้างเชิงระบบ เพื่อให้ต้นทุนการให้บริการลดลงอย่างยั่งยืน และยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังคงดำเนิน นโยบายบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินในระยะยาว และพร้อมมีบทบาทเชิงรุกในการสนับสนุนภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจให้สามารถฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ผ่านการพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่ทันสมัยและการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล