รีเซต

“โก้ เมืองเพชร” ไม่ใช่ตัวแรก ย้อนดูราคาควายไทยในอดีตแพงสุด 60 ล้าน

“โก้ เมืองเพชร” ไม่ใช่ตัวแรก ย้อนดูราคาควายไทยในอดีตแพงสุด 60 ล้าน
TNN ช่อง16
20 มีนาคม 2567 ( 18:20 )
65
“โก้ เมืองเพชร” ไม่ใช่ตัวแรก ย้อนดูราคาควายไทยในอดีตแพงสุด 60 ล้าน

บทความนี้จะพา ไปเจาะลึกปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลให้ควายไทยในปัจจุบันมีราคาสูงสุดถึง 60 ล้านบาท จากการเปิดเผยของเจ้าของฟาร์มเลี้ยงควายชั้นนำ รวมถึงย้อนรอยราคาควายที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมืองไทย อาทิเช่น เพชรลำโขง ตะวันฉาย แก้วฟ้า แม่หงษ์มหา และ เก้าเจริญ ตัวอย่างควายตัวท็อปที่สร้างสถิติราคาถึงหลักสิบล้านบาท


ในอดีตควายไทยถูกมองว่าเป็นสัตว์ใช้งาน ช่วยแบ่งเบาภาระงานเกษตร แต่ปัจจุบันควายไทยกลับกลายเป็น "สัตว์เศรษฐกิจ" ที่มีราคาสูง หลายตัวมีราคาหลักล้านบาท อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ควายไทยมีราคาแพง? 


ก่อนอื่นจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ "โก้ เมืองเพชร" ควายไทยราคา 18 ล้านบาท  และเหตุใด ทำไมถึงมีราคาแพง ? 


"โก้ เมืองเพชร" เป็นควายพ่อพันธุ์เผือกตัวโตที่สุดในประเทศไทย อายุ 4 ปี 11 เดือน น้ำหนัก 1,500 กก. สูง 175 ซม. ราคาซื้อขายสูงสุดในปัจจุบันคือ 18 ล้านบาท โดยมีลักษณะทางกายภาพที่สมบูรณ์แบบ เมื่อผสมพันธุ์กับแม่ควายสีดำจะได้ลูกสีเผือก 90% อีกทั้งพันธุกรรมเป็นที่ยอมรับด้านคุณภาพ ต้นทุนการเลี้ยงสูงเนื่องจากต้องดูแลอย่างใกล้ชิด จึงทำให้มีราคาค่อนข้างสูง


โก้ เมืองเพชร : ควายไทยราคา 18 ล้าน ทำไมถึงแพง?


โก้ เมืองเพชร มีลักษณะทางกายภาพที่สมบูรณ์แบบ ได้แก่ วงเขาเปิด เล็บกะลาแท้ คอต่อหัวดี ท้ายเต็ม หลังตรง  เมื่อผสมพันธุ์ระหว่างควายโก้เมืองเพชรผู้พันธุ์ดีกับแม่ควายสีดำ จะได้ลูกควายสีขาวหรือเผือกถึง 90% พันธุกรรมที่ถ่ายทอดมาเป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพ โดยเฉพาะสายเลือดที่ไม่ซ้ำใคร ต้นทุนการเลี้ยงสูง เนื่องจากต้องใช้แรงงานดูแลเอาใจใส่อย่างพิถีพิถัน ผลผลิตมีจำกัด ทำให้ควายพันธุ์นี้มีราคาค่อนข้างสูงในท้องตลาด 

นอกจาก โก้เมืองเพชร แล้ว ยังมีควายที่มีราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เช่น "เพชรลำโขง" ควายพันธุ์ยักษ์ขายน้ำเชื้อได้หลายล้านบาท "ตะวันฉาย" พ่อพันธุ์ควายราคา 20 ล้าน ลูกผสมหลักล้าน "แก้วฟ้า" พญาควายเผือกราคา 60 ล้าน "แม่หงษ์มหา" ควาย 8.5 ล้าน ที่หนุ่มคว้าขันหมากเพื่อซื้อ และ"เก้าเจริญ" ควายหล่อ 20 ล้าน แชมป์กระบือแห่งชาติ แสดงให้เห็นว่าควายไทยมีราคาสูงมากในปัจจุบัน



"เจ้าเพชรลำโขง" : พัฒนาสายพันธุ์จนขายน้ำเชื้อได้หลายล้าน


"เพชรลำโขง" เป็นควายเพศผู้อายุ 3 ปี 5 เดือน มีน้ำหนักกว่า 1.4 ตัน เป็นควายพันธุ์ยักษ์สายพันธุ์ดีที่สวยงามมาก เจ้าของคือนายสมบัติ เจ้าของฟาร์มควายที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้ซื้อมาจากบึงกาฬในราคา 7 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว และได้พัฒนาสายพันธุ์จนได้ควายตัวนี้ที่งดงามและมีคุณภาพสูง 


นายสมบัติระบุว่า ไม่ขายตัว "เพชรลำโขง" แต่จะขายน้ำเชื้อในราคาโดสละ 500 บาทเท่านั้น เนื่องจากเป็นควายที่มีศักยภาพและคุณค่าสูงมาก โดยตั้งราคาขายตัวไว้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท


"ตะวันฉาย" พ่อพันธุ์ควาย 20 ล้าน! ลูกผสมราคาหลักล้าน


"เจ้าตะวันฉาย" เป็นควายพ่อพันธุ์ที่มีคุณภาพสูง มีประวัติคว้าแชมป์การประกวดควายระดับประเทศในปี 2563 และ 2565 เจ้าของจึงนำมาเป็นพ่อพันธุ์หลักในฟาร์ม โดยผสมกับแม่พันธุ์ "หยาดฟ้า" ซึ่งเป็นควายตัวใหญ่เช่นกัน ลูกควายที่ได้จากคู่นี้มีราคาสูงถึงหลักล้านบาท ส่วนลูกของตะวันฉายกับแม่ควายทั่วไปมีราคาตั้งแต่ 150,000 บาทขึ้นไป เนื่องจากเป็นพ่อพันธุ์ดีเลิศ จึงมีผู้สนใจให้ราคาซื้อตัวตะวันฉายสูงถึง 20 ล้านบาท แต่เจ้าของไม่ขาย เพื่อเก็บไว้ทำพ่อพันธุ์ต่อไป 


"แก้วฟ้า" พญาควายเผือก 60 ล้าน!


"แก้วฟ้า" เป็นพญาควายเผือกวัย 10 ปีจากฟาร์มสอนศิริ จังหวัดปราจีนบุรี เป็นควายที่มีสัดส่วนสวยงาม สูง 167 ซม. น้ำหนักตัว 1,400 กก. ฟาร์มได้ตั้งราคาขายตัว "แก้วฟ้า" ไว้ที่ 60 ล้านบาท เนื่องจากเป็นพ่อพันธุ์หลักของฟาร์ม แม้จะมีผู้สนใจซื้อ "แก้วฟ้า" ในราคาดังกล่าว เจ้าของฟาร์มก็ยังไม่ขาย เนื่องจาก "แก้วฟ้า" เป็นควายเผือกที่มีพันธุกรรมโดดเด่นที่สุดตัวเดียวในประเทศไทยและโลก 


"แม่หงษ์มหา" ควาย 8.5 ล้าน! ฮือฮาหนุ่มคว้าขันหมากสู่ขอ


เมื่อเดือนเมษายน 2565 หนุ่มวัย 29 ปีสร้างกระแสฮือฮาด้วยการจ่ายเงิน 8.5 ล้านบาทพร้อมขันหมากเพื่อซื้อ 'แม่หงษ์มหา' ควายเพศเมียวัย 7 ปี ที่มีลักษณะสวยงามตามตำราและเคยได้รับถ้วยพระราชทานมาแล้ว 3 ครั้ง จากฟาร์ม ส.มีสุวรรณ จ.พระนครศรีอยุธยา ท่ามกลางสักขีพยานหลายฝ่าย


"เก้าเจริญ" ควายหล่อ 20 ล้าน! แชมป์กระบือแห่งชาติ


'เก้าเจริญ' ฉายา 'ควายหล่อที่สุดในประเทศไทย' จาก จ.พิษณุโลก เป็นแชมป์กระบือแห่งชาติปี 2560 และมีรางวัลอื่นๆ รวมกว่า 30 รางวัล เจ้าของฟาร์มเปิดเผยว่า เคยมีผู้ยื่นซื้อเก้าเจริญในราคา 20 ล้านบาท แต่ไม่ขาย เพราะต้องการต่อยอดสายพันธุ์ควายยักษ์ และยินดีแบ่งปันน้ำเชื้อของมันในราคาเพียง 500 บาทเท่านั้น




ปัจจุบันมีควายไทยทั่วประเทศมีอยู่ราว 1.2 ล้านตัว พบมากที่สุดในจังหวัดสุรินทร์, อุบลราชธานี และสุรินทร์ตามลำดับ 


ขณะที่พบน้อยที่สุดในจังหวัดสมุทรสงคราม, สมุทรสาคร และสมุทรปราการตามลำดับ ควายในไทยแบ่งเป็น 2 ชนิดคือ ควายปลัก และควายแม่น้ำ โดยส่วนใหญ่เลี้ยงกันในไทยเป็นควายปลัก


ในประเทศไทยมีควายอยู่ 3 พันธุ์หลัก ได้แก่ 


1) ควายไทย หรือควายปลัก เป็นสัตว์ใช้แรงงาน มีลักษณะรูปร่างล่ำสัน ขนสีเทาดำหรือเข้ม เขาโค้งกว้าง มีขนสีขาวรูปตัววีที่คอ เท้าด่าง ชอบนอนแช่โคลน 


2) ควายมูร่าห์ หรือควายแม่น้ำ เป็นควายนมจากอินเดีย ตัวใหญ่สีดำ หน้าผากนูน เขาม้วนงอสั้น เต้านมเจริญดี ให้นมปริมาณมาก 


และ 3) ควายลูกผสมระหว่างควายไทยกับมูร่าห์ มีลักษณะผสมของทั้งสองพันธุ์


มีหลายปัจจัยที่ทำให้ควายไทยมีมูลค่าสูงลิ่วในปัจจุบัน ดังนี้


1. พันธุกรรมและคุณภาพของควายที่ดีเยี่ยม การคัดเลือกพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ที่มีลักษณะทางกายภาพและพันธุกรรมดีเลิศ ทำให้ได้ลูกควายที่มีคุณภาพสูง ซึ่งส่งผลให้ราคาสูงตามไปด้วย


2. ความหายากของควายพันธุ์ดี การมีควายพันธุ์พระรองที่หายากและมีจำนวนจำกัด ย่อมทำให้มีราคาสูงตามกลไกตลาด 


3. ต้นทุนการเลี้ยงดูสูง การเลี้ยงดูควายพันธุ์ดีต้องใช้ความระมัดระวังและเอาใจใส่อย่างพิถีพิถัน ทั้งเรื่องอาหาร การดูแลสุขภาพ ซึ่งมีต้นทุนค่อนข้างสูง


4. รายได้จากการขายน้ำเชื้อและลูกควาย พ่อพันธุ์ควายตัวดีสามารถสร้างรายได้จากการขายน้ำเชื้อและลูกควายได้มหาศาล จึงมีราคาสูง


5. ความนิยมในการเลี้ยงควายพันธุ์ดี ปัจจุบันมีความนิยมเพิ่มมากขึ้นในการเลี้ยงควายพันธุ์ดีเพื่อประกวดหรือเพื่อสืบสายพันธุ์ต่อ


6. การลงทุนเพื่อเก็งกำไร เนื่องจากมีการซื้อขายควายพันธุ์ดีในราคาแพง จึงมีนักลงทุนบางรายที่ซื้อมาเพื่อเก็งกำไรจากการขายต่อในราคาที่สูงขึ้น


โดยสรุปแล้ว ปัจจัยหลักที่ทำให้ควายไทยมีมูลค่าสูงคือ คุณภาพพันธุกรรมที่ดีเยี่ยม ความหายาก และศักยภาพในการสร้างรายได้จากการขายพันธุ์และผลิตผล ประกอบกับความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นในการเลี้ยงควายพันธุ์ดี



ภาพ TNN 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง