"เมียนมา" วอนทรัมป์ ช่วยลดภาษีนำเข้า 40% ยอมแลกนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 0 %

พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากเมียนมาซึ่งถูกกำหนดไว้สูงถึง 40% และแสดงความพร้อมที่จะส่งคณะผู้แทนไปยังสหรัฐฯ หากมีความจำเป็น
สื่อของรัฐบาลทหารเมียนมารายงานว่า หลังได้รับจดหมายแจ้งอัตราภาษีศุลกากรจากประธานาธิบดีทรัมป์ ทางพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ได้ขอให้สหรัฐฯ ลดอัตราภาษีลงสู่ระดับ 10%-20% แลกกับการที่เมียนมาจะลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ลงสู่ระดับ 0%-10%
ขณะที่ประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชาติอาเซียนก็ออกมาเคลื่อนไหวเช่นกัน หลังจากถูกสหรัฐฯส่งจดหมายเรียกเก็บภาษีที่ 20% โดยมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เตรียมเดินทางเยือนกรุงวอชิงตันในเร็ว ๆ นี้ พร้อมกับเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งระหว่างสหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ รวมถึงญี่ปุ่น
รูบิโอกล่าวในวันพฤหัสบดี (10 กรกฎาคม 2568) หลังพบกับผู้แทนจากฟิลิปปินส์และญี่ปุ่นในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่ประเทศมาเลเซียว่า พร้อมกล่าวว่า เรามีความสัมพันธ์อันดีกับญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ โดยทำงานกันอย่างใกล้ชิดในส่วนของระเบียงเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางทะเล และบูรณภาพแห่งดินแดน และเสริมอีกว่าเขาตั้งตารอต้อนรับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ที่กรุงวอชิงตันในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการเยือนสหรัฐฯ ครั้งแรกของประธานาธิบดีมาร์กอส นับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี และเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากฟิลิปปินส์เป็น 20% จากเดิม 17%
ทั้งนี้เส้นตายล่าสุดของภาษีทรัมป์คือ 1 สิงหาคม 2568 ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเกิดความตึงเครียดมากขึ้นทั่วทั้งอาเซียนและในเอเชีย รวมอีกหลายประเทศที่ต่างได้ก็รับจดหมายแจ้งตัวเลขการขึ้นภาษีจากการทางสหรัฐฯ
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 กรกฎาคม 2568) ผู้นำของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ส่งจดหมายถึง 14 ประเทศเพื่อแจ้งอัตราภาษีศุลกากรใหม่ โดยเรียกเก็บจาก
ไทย 36%
ลาว 40%
เมียนมา 40%
กัมพูชา 36%
บังกลาเทศ 35%
เซอร์เบีย 35%
อินโดนีเซีย 32%
บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา 30%
แอฟริกาใต้ 30%
ญี่ปุ่น 25%
คาซัคสถาน 25%
มาเลเซีย 25%
เกาหลีใต้ 25%
ตูนิเซีย 25%
ต่อมาในวันพุธ (9 กรกฎาคม 2568) ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ได้ส่งจดหมายไปอีก 8 ประเทศ
โดยเรียกเก็บภาษีศุลกากร ดังนี้
แอลจีเรีย อิรัก ลิเบีย และศรีลังกา ที่อัตรา 30%
บรูไนและมอลโดวา ที่อัตรา 25%
ฟิลิปปินส์ ที่อัตรา 20%
บราซิล ที่อัตรา 50%
โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2568
รวมถึงล่าสุดในวันนี้ (11 กรกฎาคม 2568) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์ลงบนทรูธ โซเชียล ว่า เขาจะเรียกเก็บภาษี 35% กับสินค้าที่นำเข้าจากแคนาดา โดยภาษีอัตราใหม่นี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป แต่ยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ข้อยกเว้นสำหรับสินค้าที่ค้าขายภายใต้ข้อตกลงการค้า USMCA ในปัจจุบันระหว่างสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก จะยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป หรือจะถูกยกเลิกไป
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC ว่า เขากำลังพิจารณาเก็บภาษีแบบหว่านแห (blanket tariff) กับคู่ค้าส่วนใหญ่ในอัตรา 15%-20% ซึ่งปัจจุบันอัตราภาษีแบบหว่านแหอยู่ที่ 10%
ขณะเดียวกันประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้เปิดเผยผ่านทรูธโซเชียล (Truth Social) ในวันพุธว่า การเรียกเก็บภาษีนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% ที่เขาประกาศไว้เมื่อวันก่อนนั้น จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 นี้ด้วยเช่นกัน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
