รีเซต

สิ่งคุณควรรู้เกี่ยวกับ โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ก่อโรค COVID-19 ในเกาะอังกฤษ

สิ่งคุณควรรู้เกี่ยวกับ โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ก่อโรค COVID-19 ในเกาะอังกฤษ
TNN ช่อง16
29 ธันวาคม 2563 ( 13:11 )
311
สิ่งคุณควรรู้เกี่ยวกับ โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ก่อโรค COVID-19 ในเกาะอังกฤษ

ก่อนหน้านี้มีข่าวค้นพบโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ย่อย B.1.1.7 ในเขตพื้นที่ตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะอังกฤษ ส่งผลให้รัฐบาลต้องประกาศล็อกดาวน์พื้นที่ดังกล่าว เพราะเกรงว่าไวรัสก่อโรค COVID-19 นี้ จะแพร่กระจายได้ดีกว่าสายพันธุ์ย่อยอื่น ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน


ที่มาของภาพ https://www.sciencealert.com/new-fast-spreading-coronavirus-strain-in-the-uk-here-s-everything-you-need-to-know

โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ย่อย B.1.1.7 คืออะไร?

ไวรัสตัวนี้คือสายพันธุ์ย่อยหมายเลข B.1.1.7 ของโคโรนาไวรัสก่อโรค COVID-19 โดยมีการกลายพันธุ์ของยีน 23 จุดที่แตกต่างไปจากไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม โดยมีอยู่ 8 จุดที่เกิดการกลายพันธุ์ของโปรตีนบนผิวไวรัส ซึ่งใช้เจาะเข้าไปในเซลล์มนุษย์

อนึ่ง สายพันธุ์ย่อย (Strain) คือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางกายภาพของไวรัส เพื่อให้เอื้อต่อการดำรงชีวิต ทั้งนี้ การกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นมิใช่การก่อกำเนิดเป็น "ไวรัสตัวใหม่" อย่างสิ้นเชิง เพราะยีนของ B.1.1.7 ยังเป็นแบบเดียวกับโคโรนาไวรัสก่อโรค COVID-19 อยู่เหมือนเดิม

มันมาจากไหน?

โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ย่อย B.1.1.7 ค้นพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2563 ในเมืองเคนต์แห่งเกาะอังกฤษ ก่อนที่จะกระจายไปในหลายพื้นที่ในเดือนพฤศจิกายน หลังจากนั้นเคสรายงานกว่า 50% ในช่วงเดือนตุลาคมถึงวันที่ 13 ธันวาคมเกิดจากการติดโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ย่อยใหม่นี้


ที่มาของภาพ https://www.aljazeera.com/news/2020/12/21/new-covid-strain-six-key-questions-answered

ไวรัสกลายพันธุ์นี้ส่งผลกระทบอย่างไร?

ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ย่อย B.1.1.7 ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรงกว่าผู้ติดเชื้อสายพันธุ์อื่นหรือไม่ เพราะการกลายพันธุ์มิได้หมายความว่าจะเป็นการกลายพันธุ์เพื่อพัฒนาให้ไวรัสมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น หากแต่เป็นกลไกตามธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติของไวรัสอยู่แล้ว

ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ที่ติดตามพฤติกรรมการกลายพันธุ์ของโคโรนาไวรัสในเกาะอังกฤษและแอฟริกาพบว่า ไวรัสทั้ง 2 สายพันธุ์ย่อยนี้มีการกลายพันธุ์เป็นไปในลักษณะเดียวกัน แสดงว่าการกลายพันธุ์เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางกายภาพในครั้งนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวไวรัสเอง

โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ย่อย B.1.1.7 แพร่กระจายได้รวดเร็วจริงหรือไม่?

ใช่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ สามารถแพร่กระจายได้ดีกว่าสายพันธุ์ย่อยอื่น ๆ ราว 50-74% และจากการศึกษาพบว่าเคสผู้ป่วย COVID-19 รายใหม่กว่า 90% ในเกาะอังกฤษ เกิดจากการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ย่อย B.1.1.7 


ที่มาของภาพ https://www.bbc.com/news/health-55312505

เด็กเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายมากขึ้นหรือไม่?

จากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่าเด็กจะมีโอกาสติดเชื้อโคโรนาไวรัสได้น้อยกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ย่อย B.1.1.7 ทำให้พวกมันแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและยึดเกาะกับเซลล์ในร่างกายมนุษย์ได้ดีกว่าเดิม จึงมีความเป็นไปได้ที่อัตราการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ในเด็ก "อาจ" เพิ่มสูงขึ้น

วัคซีนที่ผลิตออกมาจะป้องกันไวรัสสายพันธุ์ย่อยนี้ได้หรือไม่?

ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านเชื่อว่าวัคซีนที่ผลิตออกมาในตอนนี้ มีประสิทธิภาพในการป้องกันโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ย่อย B.1.1.7 ด้วย เนื่องจากวัคซีนจะกระตุ้นการสร้างสารภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี ต่อโครงสร้างหลาย ๆ ส่วนในตัวไวรัส เพราะฉะนั้น ถึงแม้โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ย่อย B.1.1.7 จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบางส่วน แต่ก็ยังมีโครงสร้างอีกหลายส่วนที่วัคซีนสามารถออกฤทธิ์ได้นั่นเอง

แล้วเราจะป้องกันตนเองจากโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ย่อย B.1.1.7 ได้อย่างไร?

วิธีการป้องกันที่ง่ายที่สุด คือการป้องกันการแพร่ระบาดตามหลักสากล ได้แก่ การล้างมือบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่สาธารณธะหรือสัมผัสสิ่งแวดล้อม, การสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกบ้าน, ยึดหลัก Social Distancing และดำเนินการตามนโยบายจากกรมควบคุมโรค


ที่มาของภาพ https://www.bbc.com/news/health-55312505

แม้ว่าโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ย่อย B.1.1.7 จะยังไม่พบรายงานในประเทศไทย แต่ในขณะนี้การระบาดของไวรัสก่อโรค COVID-19 ยังไม่สงบลง จึงอย่างให้ผู้อ่านทุกท่านมีความตระหนักรู้ในการป้องกันตนเอง แลละประพฤติปฏิบัติตามหลักสากลอย่างเคร่งครัด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Science Alert

เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง