รีเซต

1 ใน 3 สายพันธุ์ทั่วโลก เสี่ยงสูญพันธุ์ปี 2100 หากโลกเดือดไม่หยุด

1 ใน 3 สายพันธุ์ทั่วโลก เสี่ยงสูญพันธุ์ปี 2100 หากโลกเดือดไม่หยุด
TNN ช่อง16
6 ธันวาคม 2567 ( 15:52 )
12

ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์อาจให้คำตอบเบื้องต้นกับเราได้ว่า หากโลกร้อนไม่หยุด จนทะลุเกิน 1.5 องศาเซลเซียส สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกจะหายไปเท่าไหร่ เมื่อสิ้นสุดศตวรรษที่ 21 


---ปี 2100 สิ่งมีชีวิตเกือบ 1 ใน 3 สายพันธุ์ จะหายไปจากโลก---


ผลการศึกษาฉบับใหม่ ซึ่งตีพิมพ์ผ่านวารสาร Scinece เมื่อวันพฤหัสบดี (5 ธันวาคม) ที่ผ่านมา พบว่า สิ่งมีชีวิตเกือบ 1 ใน 3 สายพันธุ์ อาจเสี่ยงสูญพันธุ์ไปจากโลกภายในปี 2100 หากเรายังไม่สามารถหยุดยั้งภาวะโลกร้อนได้ โดยถ้าอุณหภูมิเฉลี่ยโลกทะลุเกิน 1.5 องศาฯ เกินกว่าค่ากำหนดตามข้อตกลงปารีส จะยิ่งเร่งให้อัตราการสูญพันธุ์เพิ่มขึ้น 


ทีมวิจัยได้ศึกษาเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากกว่า 30 ปี ครอบคลุมสายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักมากกว่า 450 สายพันธุ์ทั่วโลก พวกเขาทำการประเมินความเสี่ยงของการสูญพันธุ์ ในแต่ละระดับของอุณหภูมิโลกที่จะเกิดขึ้นในอนาคต 


ปัจจุบัน อุณหภูมิโลกเฉลี่ย อยู่ที่ 1.3 องศาฯ อัตราการสูญพันธุ์จะอยู่ที่ 1.6% ภายในปี 2100 แต่ถ้าแตะไปถึง 1.5 องศาฯ อัตราการสูญพันธุ์จะขึ้นไปอยู่ที่ 1.8% ซึ่งดูอาจจะไม่เยอะมาก แต่มาดูกันต่อว่า ถ้าโลกร้อนมากกว่า 1.5 องศาฯ จะเป็นอย่างไร 


ถ้าโลกเราร้อนแตะถึง 2.7 องศาฯ อัตราการสูญพันธุ์จะขึ้นไปอยู่ที่ 5% หรือคิดเป็นประมาณ 450,000 สายพันธุ์ แต่ถ้าโลกร้อนสูงขึ้นไปกว่านั้นที่ 4.3 องศาฯ อัตราการสูญพันธุ์จะเพิ่มขึ้นเป็น 14.9% และที่เลวร้ายสุด หากโลกร้อนไปแตะระดับ 5.4 องศาฯ อัตราการสูญพันธุ์จะเพิ่มสูงถึง 29.7% หรือคิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 สายพันธุ์ทั่วโลก 


---โลกยิ่งร้อน สิ่งมีชีวิตยิ่งหายไป---


แม้ว่าบรรดานักวิทยาศาสตร์ จะไม่สามารถระบุตัวเลขที่แน่ชัดได้ว่า บนโลกใบนี้ มีสิ่งมีชีวิตทั้งหมดกี่สายพันธุ์ แต่ก็มีการประเมินไว้ ณ ตอนนี้ ว่า น่าจะอยู่ที่ประมาณมากกว่า 10 ล้านสายพันธุ์ 


มาร์ค เออร์บัน นักนิเวศวิทยา และผู้เขียนผลการศึกษาชิ้นนี้ ระบุว่า ภายใต้อุณหภูมิโลกปัจจุบัน เมื่อสิ้นสุดศตวรรษที่ 21 โลกจะสูญเสียสิ่งมีชีวิตไปประมาณ 160,000 สายพันธุ์ แต่ถ้าหากโลกล้มเหลวในการจัดการ หรือ ออกนโยบายเพิ่มเติม เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน สิ่งมีชีวิตจะสูญไปอย่างน้อยครึ่งล้านสายพันธุ์ จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 


“ความเสี่ยงของการสูญพันธ์จะเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิแต่ละระดับ” เออร์บัน กล่าว  


สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในแถบอเมริกาใต้, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ถือว่าเป็นภูมิภาคที่จะได้รับผลกระทบหนักสุด โดยเฉพาะกับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เพราะว่าวัฏจักรชีวิตของพวกมันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศอย่างหนัก ซ้ำยังเป็นสัตว์ที่มีความอ่อนไหวสูงต่อรูปแบบของฝน และความแห้งแล้ง 


---ไม่มีที่ให้หลบหนี---


สัตว์ที่อาศัยอยู่ตามภูเขา, เกาะ และแหล่งน้ำจืด ก็เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเช่นกัน นั่นอาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่โดดเดี่ยวเหล่านี้ ไม่เอื้อให้สิ่งมีชีวิตสามารถอยู่รอดได้ ซึ่งยากต่อการเคลื่อนย้ายไปยังอุณหภูมิที่เหมาะสมกับสายพันธุ์นั้น ๆ ได้ 


ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออุณหภูมิโลกร้อนขึ้น สัตว์ที่อาศัยอยู่บนภูเขาสามารถเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังที่สูงขึ้นได้ก็จริง แต่หากอุณหภูมิพุ่งขึ้นสูงเรื่อย ๆ ท้ายสุด พวกมันก็จะย้ายไปอยู่บนยอดสูงสุดของภูเขา และไม่มีพื้นที่ให้หลบหนีอีกต่อไป ซึ่งปรากฎการณ์นี้ จะถูกเรียกว่า เป็น “บันไดเลื่อนที่นำไปสู่การสูญพันธุ์” 


เช่นเดียวกับ สิ่งมีชีวิตบนเกาะก็มีความเสี่ยงมาก เนื่องจากมีพื้นที่จำกัด, มีประชากรน้อย มักอยู่อย่างโดดเดี่ยว ทำให้ยากต่อการฟื้นฟู หากสายพันธุ์ต่าง ๆ สูญหายไป และยังต้องเผชิญกับภัยคุกคามอื่น ๆ เช่น สายพันธุ์รุกราน ที่โลกร้อนเป็นตัวการทำให้ปัญหานี้เลวร้ายมากขึ้น 


การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้สร้างปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังทวีความรุนแรงให้กับปัญหาที่มีอยู่ดั้งเดิมด้วย เช่น ภัยแล้ง ที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า หรือ การแพร่กระจายของโรคสัตว์ป่า 


---ธรรมชาติ คือ รากฐานชีวิตมนุษย์---


ถึงเราจะเห็นตัวเลขอัตราการเสี่ยงสูญพันธุ์เป็นหลักหน่วย หรือ หลักสิบเปอร์เซนต์ แต่ถ้าหากแปรเปลี่ยนเป็นตัวเลข จะพบว่า แม้เปอร์เซนต์เพียงน้อยนิด ก็เท่ากับสิ่งมีชีวิตหลายหมื่นสายพันธุ์ แลพแต่ละสายพันธุ์ล้วนมีคุณค่าต่อสังคมมนุษย์ทั้งสิ้น 


นอกจากนี้ สิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นพืช หรือ สัตว์ มีส่วนช่วยรักษาปัญหาสุขภาพได้ นักวิจัยเผยว่า ยาปฏิชีวนะและยากรักษามะเร็งในปัจจุบัน 70% มีรากฐานมาจากสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ 


“มนุษย์ส่วนใหญ่รักธรรมชาติ และนั่นคืออีกแง่มุมหนึ่งของธรรมชาติ แต่ความหลากหลายทางชีวภาพเป็นรากฐานของสุขภาพ, ความมั่งคั่ง และวัฒนธรรมของเรา” เออร์บัน กล่าว 


เออร์บัน หวังว่า ผลการศึกษานี้ จะมีผลต่อผู้กำหนดนโยบาย ให้หันมาดำเนินการอย่างจริงจัง เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนมากขึ้น 


“ไม่มีข้อแก้ตัวที่จะไม่ดำเนินการอะไรอีกต่อไป เพราะผลกระทบเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน” เขา กล่าว 


แปล-เรียบเรียง: พรวษา ภักตร์ดวงจันทร์

แหล่งข้อมูลอ้างอิง: 

https://www.livescience.com/planet-earth/climate-change/a-third-of-earths-species-could-become-extinct-by-2100-if-climate-change-isnt-curbed

https://www.vox.com/down-to-earth/389843/climate-change-wildlife-extinction-study

https://www.npr.org/2024/12/05/nx-s1-5214555/if-global-warming-ramps-up-1-in-3-species-could-be-in-serious-danger-by-centurys-end

ข่าวที่เกี่ยวข้อง