ซาอุดีอาระเบียตั้งเป้าส่งออกรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 150,000 คัน ภายนในปี 2026
ยุคสมัยแห่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังเริ่มต้น ล่าสุดประเทศซาอุดีอาระเบียที่เคยเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลกมีปริมาณน้ำมันดิบประมาณ 17% ของน้ำมันทั้งโลก ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยวางแผนการระยะยาวเตรียมผลิตและส่งออกรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 150,000 คัน ภายในปี 2026 หรือในอีก 4 ปี นับจากนี้
ก่อนหน้านี้ประเทศซาอุดีอาระเบียได้ประกาศ "วิสัยทัศน์ 2030" การผลักดันประเทศไปสู่เทคโนโลยีใหม่ด้านพลังงานไฟฟ้า หุ่นยนต์ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยีล้ำสมัยอื่น ๆ รวมไปถึงการสร้างเมืองใหม่ด้านเทคโนโลยี เช่น The LINE เป็นต้น เพื่อทดแทนการส่งออกน้ำมันดิบที่ลดลงในอนาคต โดยปัจจุบันการส่งออกน้ำมันดิบคิดเป็นครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ของประเทศ
แม้ว่าประเทศซาอุดีอาระเบียจะประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำการส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลกแต่ทรัพยากรน้ำมันไม่ว่าจะมีปริมาณมากแค่ไหนก็ตามหากถูกใช้งานอย่างต่อเนื่องมันจะหมดลงในที่สุด ประเทศซาอุดีอาระเบียทราบถึงขีดจำกัดนี้จึงได้เริ่มต้นวางแผนระยะยาวและประกาศโครงการก่อสร้างต่าง ๆ เพื่อผลิกโฉมประเทศไปสู่ศตวรรษใหม่
สอดคล้องกับนโยบายของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่เคยเป็นลูกค้าผู้ซื้อพลังงานน้ำมันจากประเทศซาอุดีอาระเบีย เช่น สหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศยุโรป หรือแม้แต่ประเทศจีน ต่างก็เริ่มปรับลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่ชั้นบรรยากาศลงและให้การสนับสนุนเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนและรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ประเทศซาอุดีอาระเบียเป็นฐานการผลิตในภูมิภาคเป็นรายแรก ๆ เช่น ลูซิด มอเตอร์ (Lucid Motor) โดยบริษัทได้รับเงินลงทุนจากกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของซาอุดีอาระเบีย (PIF) กว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 38,000 ล้านบาท ตามรายงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน ประเทศซาอุดีอาระเบีย การก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของลูซิด มอเตอร์ (Lucid Motor) ในประเทศเริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ที่มาของข้อมูล electrek.co
ที่มาของรูปภาพ lucidmotors.com