PACO จ้องซื้อเครื่องจักร ต้นทุนลด-หนุนมาร์จิ้นฟู

PACO ฉายภาพธุรกิจครึ่งปีหลังแจ่มกว่าครึ่งแรก หลังต้นทุนลด แถมปรับราคาขาย หนุนมาร์จิ้นทะยาน ฟากผู้บริหาร “สมชาย เลิศขจรกิตติ” วางแผนลงทุนซื้อเครื่องจักรออโต้ ทดแทนแรงงาน ย้ำเป้าหมายรายได้ปีนี้โต 20-30%
นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PACO เปิดเผยว่า คาดทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 2566 จะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะปัจจัยการผลิตที่ดีขึ้น ทั้งต้นทุนที่ลดลง แม้ปัจจุบันจะไม่ลดลงเท่าเดิม แต่แนวโน้มต้นทุนลดลงเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิตของบริษัท ขณะเดียวกันบริษัทปรับราคาขาย และรับรู้ราคาใหม่แล้ว ทำให้ครึ่งปีหลัง 2566 ภาพรวมการประกอบธุรกิจ และผลประกอบการจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก
** ออเดอร์ยาว
เบื้องต้นคาดอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) จะดูดีขึ้นจากไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 11.38% ที่ลดลง และมีโอกาสกลับมาใกล้เคียงในระดับ 20% ขณะเดียวกันบริษัทมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ยาวไปถึงสิ้นปี 2566 คิดเป็นยอด Backlog ราว 400-500 ล้านบาท โดยจะทยอยส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าตามกำหนด
บริษัทมองทิศทางธุรกิจและแนวโน้มตลาด Aftermarket ยังเติบโตต่อเนื่องจากการซ่อมบำรุงรถยนต์เก่า ทั้งนี้เศรษฐกิจโดยรวมในประเทศยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ทำให้ผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่ายและซ่อมบำรุงรถยนต์มากขึ้น สำหรับตลาด Aftermarket เป็นตลาดใหญ่และมีทิศทางการเติบโตตลอดทุกปี ส่วนในปีนี้มองว่าการเติบโตยังเป็นปกติเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา
ส่วนการผลิตชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศรถยนต์ทดแทนเพื่อนําไปรองรับการซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่รถยนต์ตามศูนย์บริการรถยนต์ (OES) รับจ้างผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ (OEM) มีออเดอร์เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บางส่วนยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อรับงานเพิ่มเติม
ทั้งนี้บริษัทคาดสัดส่วนกลุ่ม OES ปีนี้ คาดจะเติบโตขึ้นเป็นเท่าตัวโดยคิดเป็นสัดส่วน 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% เนื่องจากบริษัทเริ่มผลิตชิ้นส่วนแบบ Mass Production ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และ Plug-in Hybrid ในต้นปีนี้ และจะรับรู้รายได้ส่วนนี้เต็มปีเป็นปีแรก
** คงเป้าโต 30%
นายสมชาย กล่าวต่อว่า บริษัทคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 20-30% โดยการเติบโตจะมาจากตลาดส่งออก และการขยายเครือข่ายร้านอะไหล่แอร์รถยนต์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ PACO Auto Hub (พาโก้ ออโต้ ฮับ) เพื่อสร้างแบรนด์ PACO ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ในประเทศ เพื่อเพิ่มยอดขายในประเทศและเสริมความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้า และสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ แบรนด์ของคนไทย
ด้านแผนการลงทุนช่วงที่เหลือปีนี้ อาจจะไม่มีการลงทุนเพิ่มเติม แต่เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับลงทุนปี 2567 ส่วนการลงทุนหลักจะเป็นการลงทุนเครื่องจักรออโตเมชั่น หรือทดแทนแรงงานระดับล่าง และลดต้นทุนการผลิต
บริษัทมีรายได้รวมไตรมาส 1/2566 ที่ 225.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.88 ล้านบาท จากไตรมาส 1/2565 ที่ 184.65 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 22.14% ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 1/2566 บริษัททำได้ 3.41 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 16.88 ล้านบาท ลดลง 13.47 ล้านบาท หรือลดลง 79.80%