รีเซต

TTA ตุนแบ็กล็อกเต็มมือ จ่อลุ้นคว้างานเติมพอร์ต

TTA ตุนแบ็กล็อกเต็มมือ จ่อลุ้นคว้างานเติมพอร์ต
ทันหุ้น
20 พฤศจิกายน 2566 ( 16:36 )
50

#TTA #ทันหุ้น – TTA โชว์ Backlog งานวิศวกรรมใต้น้ำสูงแตะ 697 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แถมมีลุ้นรับงานใหม่จากทั้งลูกค้าเดิม และ VLE ดันใจผลงานปี 2567 เติบโตต่อเนื่อง ด้านธุรกิจขนส่งสินค้าเทกองยังมีความต้องการขนส่งจากจีนต่อเนื่อง สบช่องคำสั่งต่อเรือใหม่ยังต่ำรักษาอัตราค่าเช่าเรือต่อวันได้สูงกว่าต้นทุน

 

นายคทารัฐ  สุขแสวง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า ในงวดไตรมาส 4/2566 อ้างตามดัชนี Baltic Supramax Index (BsI) อินเด็กซ์เฉลี่ยงวดไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 912จุดอ่อนตัวลงทั้งเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 3/2566 (QoQ) และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) กดดันจากความต้องการขนส่งสินค้าเทกองในภูมิภาคหลักมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงมีความต้องการขนส่งถ่านหิน, แร่เหล็กในจีน รวมถึงธุรกิจแกนนำเข้าสินค้าจากจีนที่ยังคงมีความต้องการใช้เรืออย่างต่อเนื่อง

 

โดยอัตราค่าเช่าเรือเทกองของบริษัทยังคงทรงตัวได้ที่ราว 1.1 – 1.2 หมื่นดอลลาร์สหรัฐต่อลำต่อวัน ซึ่งสูงกว่าต้นทุนของบริษัทที่ราว 8 - 8.5พันดอลลาร์สหรัฐต่อลำต่อวัน จึงยังคงมีศักยภาพการทำกำไรในระดับที่เหมาะสมได้อย่างต่อเนื่อง

 

สำหรับภาพธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือในปี 2567 เบื้องต้นอ้างอิงจากการวิจัยของ Clarksons คำสั่งต่อเรือเทกองใหม่ทั้งปี 2567 อยู่ที่ราว 2.2% DWT (Dead Weight Tonnage) ขณะที่ความต้องการขนส่งสินค้าแห้งเทกองยังมีแนวโน้มเติบโตได้ที่ราว 1.8% ตัน-ไมล์ ซึ่งถือว่าความต้องการขนส่ง กับกองเรือเริ่มเข้าสู่จุดสมดุล

 

“การสั่งต่อเรือใหม่น้อยมากเพราะผู้ประกอบการทั่วโลกยังคงรอความชัดเจนขอกฎระเบียบการปล่อยมลพิษ ซึ่งเริ่มยกระดับเข้าสู่ EEXI และ Cll ประกอบกับยังไม่สามารถออกแบบเรือใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ได้ จึงคงเป็นโอกาสในการรักษาอัตราค่าเช่าเรือขนส่งสินค้าเทกองให้ตรงตัวสูงกว่าต้นทุนได้”

 

*ธุรกิจใหม่หนุน

สำหรับธุรกิจการให้บริการงานวิศวกรรมด้านการก่อสร้างและงานปฏิบัติการนอกชายฝั่ง ณ สิ้นใตรมาส 3/2566 บริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) รวมมูลค่า 697 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้เข้ามาในงวดไตรมาส 4/2566 ราว 11% หรือราว 76.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่เหลืออีกราว 617.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะทยอยรับรู้เข้ามาต่อเนื่องในปี 2567

 

ขณะเดียวกันบริษัทประสบความสำเร็จในการขยายงานบริการเข้าสู่การให้บริการรื้อถอน และติดตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันให้กับลูกค้าในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศซาอุดีอาระเบีย, กาตาร์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฯลฯ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทยังคงมั่นคง เบื้องต้นคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ยทั้งปี 2567ที่ราว 95 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรล หนุนจากนโยบายการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ของซาอุดีอาระเบีย

 

ประกอบกับบริษัท ได้เข้าลงทุนในบริษัท แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด หรือ VLE ผู้ประกอบการขุดเจาะแหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสในการเข้ารับงานติดตั้ง – รื้อถอนแท่นขุดเจาะในอนสคตอย่างมีนัยสำคัญ

 

*แนะซื้อเป้า 7.40 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ช่วงครึ่งแรกของไตรมาส 4/2566 ธุรกิจเดินเรือเติบโตแล้ว 31.2% QoQ ช่วยพยุงภาพรวมทั้งไตรมาส 4/2566 ที่มีแนวโน้มอ่อนตัวตามปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ธุรกิจออฟชอร์ของ MMI มีแนวโน้มเติบโตจากการรับรู้รายได้ และโอกาสเพิ่ม Backlog ที่สูงขึ้นทำให้ภาพของ MML ยังดีต่อเนื่องในปี 2567-2568 จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 7.40 บาท

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง