PLT ขนส่งเรือต่างแดนเด่น ปักเป้าดันรายได้พุ่งเท่าตัว

#PLT #ทันหุ้น - PLT โชว์ธุรกิจขนส่งเรือต่างแดนเติบโตโดดเด่น 70% เร่งเครื่องขยายฐานต่างแดนเต็มที่ ปักเป้าอัพสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 30% ในปีหน้า พร้อมปรับกลยุทธ์สู่โมเดล “Asset Light” หนุนขยายกองเรือเร็วขึ้น ดันมาร์จิ้น 16-20%
นายวราวิช ฉิมตะวัน กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีลาทัส มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PLT เปิดเผยว่า ผลงานในไตรมาส 3/2568 บริษัทมีรายได้รวม 275 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนราว 17 ล้านบาท ซึ่งได้แรงหนุนหลักจากธุรกิจขนส่งเรือต่างประเทศที่เติบโตโดดเด่นกว่า 70% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 24% จากระดับ 15% ในปีที่ผ่านมา และยังคงสนับสนุนภาพรวมกำไรจากการดำเนินงาน โดยบริษัททำ EBITDA ได้ 83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.8% จากปีก่อน
** ปรับประมาณการ
ทั้งนี้บริษัทได้ปรับประมาณการรายได้รวมของปี 2568 จากเดิมคาดโต 15% เหลือเติบโตใกล้เคียง 12% เนื่องจากปริมาณขนส่ง LPG ในประเทศปรับตัวลดลงราว 6% ตามภาวะเศรษฐกิจ และราคาดีเซลหน้าปั๊มที่ลดลง ซึ่งกดรายได้ค่าบริการ อย่างไรก็ตามรายได้จากงานต่างประเทศที่เร่งตัวขึ้น ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของผลประกอบการ และช่วยเพิ่มความสมดุลให้โครงสร้างรายได้ในระยะยาว
หนึ่งในจุดแข็งสำคัญของบริษัทคือการมีจำนวนกองเรือขนส่งแก๊สมากที่สุดในประเทศ และเป็นกองเรือที่มีอายุเฉลี่ยค่อนข้างใหม่ ธุรกิจขนส่งแก๊สจัดเป็นกิจการที่มี Barrier to Entry สูง เนื่องจากการขนส่งแก๊สเป็นวัตถุอันตราย ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการเดินเรือ ประกอบกับลูกค้ารายใหญ่ต้องการความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยสูงมาก ทำให้บริษัทที่อยู่ในตลาดมานานอย่าง PLT ได้รับความไว้วางใจในการจ้างงานต่อเนื่อง
ขณะที่ผู้เล่นรายใหม่ต้องเผชิญกระบวนการจัดซื้อที่ซับซ้อน อีกทั้งกฎระเบียบด้านความมั่นคงพลังงานยังจำกัดไม่ให้บริษัทต่างชาติเข้ามาดำเนินการโอนถ่ายแก๊สในประเทศได้ ทำให้ตลาดในประเทศยังมีผู้เล่นน้อยรายและมีโครงสร้างการแข่งขันที่มั่นคง
** ขยายฐานต่างแดน
ในด้านการขยายธุรกิจต่างประเทศ บริษัทได้เดินหน้าใช้โมเดล Asset Light มากขึ้น โดยเช่าเรือก่อนเป็นเวลา 1 ปี เพื่อทดสอบตลาดและสมรรถภาพของเรือ ก่อนตัดสินใจซื้อจริงในปีถัดไป ทำให้มีแนวโน้มการขยายกองเรือได้รวดเร็วขึ้น ลดความเสี่ยง และช่วยสร้างมาร์จิ้นระดับ 16–20% ซึ่งเรือลำล่าสุดที่เช่ามีมาร์จิ้นราว 18% สะท้อนประสิทธิภาพของกลยุทธ์ดังกล่าว
สำหรับไตรมาส 4 ปีนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ เนื่องจากบริษัทเตรียมเริ่มบริหารจัดการเรือต่างประเทศด้วยตนเอง โดยเริ่มจากเรือ “พีระ 66” ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่ม Net Profit Margin ของธุรกิจต่างประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงสร้างความเชี่ยวชาญให้บริษัทก้าวไปสู่การเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาค
นายวราวิชย้ำว่า บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมใช้กลยุทธ์แบบ Conservative/Defensive เพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมั่นใจในความต้องการใช้เรือขนส่งแก๊สไซส์เล็กในเอเชียซึ่งยังคงเติบโตดี ช่วยสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ที่มั่นคงให้กับบริษัทในระยะยาว พร้อมตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศแตะระดับ 30% ในปี 2569 ผ่านการขยายกองเรือและการบริหารงานเองเต็มรูปแบบ ในส่วนของผลประกอบการตามงบการเงินไตรมาส 3/2568 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการ 275.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.68% จากปีก่อนหน้า ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 16.82 ล้านบาท
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
