“กรุงศรี” คัดกรอง14 หุ้นเติบโตสูง & Turnaround ปี 69

#ทันหุ้น-ฝ่ายวิจัยบล.กรุงศรี ทำการคัดเลือกหุ้นที่มีโอกาสกลับมา Turnaround และ เติบโตสูง (High Growth) ในปี2569 โดยคัดเลือกหุ้นที่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย ที่มีคุณสมบัติคือ 1) แนวโน้มการเติบโตของกำไรปี 2569 มากกว่า 20% หรือเป็นหุ้น Turnaround พลิกขาดทุนเป็นกำไร 2) มีปันผลสูงเฉลี่ยมากกว่า 5.3% และ 3) ในแง่อุตสาหกรรมและความสามารถการแข่งขันรวม น่าจะพลิกฟื้นผลประกอบการได้จริง
จากการศึกษาพบว่า มี 14 บริษัท ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีผสานกลุ่มเทคโนโลยีโดยมีหุ้นที่น่าสนใจ แนะนำทยอยสะสม ได้แก่ BTS, IVL, SPRC, PTTGC, BCP, INSET, INETREIT, INET, SC, TRUE, BCPG, MICRO, MAGURO, PTG
ฝ่ายวิจัยกรุงศรี มีมุมมองทางพื้นฐานต่อ 14 หุ้นเติบโตสูง & Turnaround ปี 2569 ดังต่อไปนี้:
-BTS (TP@6.49) แม้คาดกำรปี 2569 ยังมี Downside Risk จากผลขาดทุนครึ่งปีแรกและแรงกดดันจากบริษัทย่อย ทั้ง VGI และ Rabbit ทำให้ประมาณการต้องทบทวนใหม่ แต่ยังมีโอกาสชดเชยจากการได้กระแสเงินสดในมือกลับมา หนุนโอกาสเห็นโครงการลงทุนใหม่ ผสาน ความชัดเจนนโยบายรถไฟฟ้าของรัฐฯ ที่น่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งใหม่ในรอบนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย PBV26F (สิ้นสุด มี.ค. 26) ต่ำกว่า 1.0 เท่าสะท้อนภาพผลประกอบการขาดความสม่ำเสมอระยะสั้นและรอยต่อธุรกิจไปแล้ว
-IVL (TP@24.0) แนวโน้มกำไรปี 2569 มีโอกาสฟื้นตัว +189%y-yโดยการฟื้นตัวจะเกิดขึ้นนับจากไตรมาส 4/68 หลังแรงกดดันจากการปิดซ่อมฉุกเฉินและมาตรการตอบโต้ทางการค้าคลี่คลาย และการแข่งขันลดลงตามอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาด ขณะเดียวกันเริ่มรับรู้ผลบวกจากราคา PET ในสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นและอัตราการเดินเครื่องที่ดีขึ้น ด้วยจุดแข็งด้านฐานการผลิตที่กระจายตัว หนุนการอยู่รอดระยะยาว นอกจากนี้ยังน่าจะมีแรงส่งนโยบายจำกัดซัพพลายอุตสาหกรรมจีนที่กำลังทยอยเห็นภาพบวกในรายอุตสาหกรรม ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย PBV26F (สิ้นสุด มี.ค. 26) ต่ำกว่า 1.0 เท่า สะท้อนวงจร Downcycle แล้ว
-SPRC (TP@7.6) แนวโน้มกำไรปี 2569 คาด +177%y-y มีสัญญาณบวกตั้งแต่ปลายปี 2568 จากการเปลี่ยนวิธีบันทึกค่าใช้จ่ายการปิดซ่อมเป็นทุน ทำให้ผลกระทบค่าใช้จ่ายทีสร้างความผันผวนรายครั้งลดต่ำลง และถูกเกลี่ยออกไปมากขึ้น โดยระยะสั้นดีต่อไตรมาส 4/68 ถึงไตรมาส 1/69 ที่ค่าใช้จ่ายจะเข้ามาต่ำกว่าตลาดประเมินไว้เดิม ขณะที่ไตรมาส 4/68 ยังได้แรงหนุนจากค่าการกลั่นที่ทรงตัวในระดับสูงชดเชยต้นทุนซ่อม เสริมภาพอุตสาหกรรมโรงกลั่นที่อยู่ในภาวะ Supply Shortage หนุนค่าการกลั่นในครึ่งหลังปี 2568 ถึงปี 2569 เป็นฐานที่ดีกว่าภาวะปกติ คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น SPRC ที่ราคาเป้าหมาย 7.60 บาท
-PTTGC (TP@28.0) ธุรกิจอยู่ในช่วง Downcycle ยาวนาน แม้จุดเปลี่ยนนโยบายจำกัด Supply อุตสาหกรรมของจีนอาจจะเกิดขึ้นค่อยเป็นค่อยไปกว่าคาดในฝั่งปิโตรเคมีแต่จีนกำลังทยอยดำเนินการรายอุตสาหกรรม คาดฝั่งปิโตรเคมีน่าจะเริ่มมีภาพบวกนับจากปลาย 2568หนุนแนวโน้มกำไรปี 2569 คาดพลิกมากลับมามีกำไรได้ 7.2 พันล้านบาทจากขาดทุนต่อเนื่องปี 2567-2568 ขณะที่ราคาหุ้นที่ PBV26F ราว 0.4 เท่าประเมินสะท้อนความเสี่ยงภาพ Downcycle ไปแล้ว. ขณะที่การตั้งด้อยค่าและการใส่ต้นทุนปรับปรุงกระบวนการผลิตต่อเนื่อง มองว่า PTTGC เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่อยู่รอดผ่านวัฏจักรขาลงของปิโตรเคมีและมีศักยภาพฟื้นตัวระยะยาวเมื่อปัญหาอุปทานล้นตลาดคลี่คลาย
-BCP (TP@44.0) คาดกำไรปี 2569 คาดเติบโต 100.6%y-y นำโดยโรงไฟฟ้าแก๊สในสหรัฐฯ โรงไฟฟ้าพลังลมในลาว–เวียดนาม และโซลาร์ไต้หวัน แม้ COD ไต้หวันเลื่อนและดีล M&A ถูกชะลอ แต่ยังมีอัพไซด์จากการปรับ Capacity Payment ตลาด PJM (ตลาดซื้อขายไฟฟ้าในประเทศสหรัฐฯ)ปลายปีนี้ขณะที่หุ้นผ่านช่วงปรับลดสถานะจากจิตวิทยาลบหลายด้านแล้ว จนปัจจุบันซื้อขาย PBV26F ต่ำกว่า 1 เท่า ประเมินโอกาสลงทุนทางพื้นฐาน
-INSET (TP@3.2) แนวโน้มกำไรปี 2569 มีความโดดเด่นจากโอกาสชนะโครงการ Data Center ขนาดใหญ่ 3-4 โครงการ (มูลโครงการ 800– 1,000 พันล้านบาทต่อโครงการ) ซึ่งคาดเริ่มรับรู้รายได้ ส่วนใหญ่ในปี 2569 หนุนกำไรออกมาไม่น้อยกว่าประมาณการ+74.6% และอาจสูงกว่าคาด จากฐานปี 2568 ต่ำกว่าคาด จากความเสี่ยงจากดีลล่าช้า แต่ราคาหุ้นที่ปรับลงแรงสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว จนซื้อขาย PBV ต่ำกว่า 1 เท่า(vs ภาพประคองกำไรได้สม่ำเสมอ ทั้งที่อยู่ในช่วงรอยต่อ)ขณะที่ความต่อเนื่องการเติบโตยาวนานไปอีก 3-4 ปีตาม Upcycle การเข้ามาลงทุน Data Center ในไทยจากต่างประเทศ อิงเม็ดเงินขอ BOI นับจากครึ่งหลังของปี 2567 เฉียด1 ล้านล้านบาท หนุนหุ้นกำลังเข้าสู่รอบอัปเกรดครั้งใหญ่จากเมกะเทรนด์ Data Center ไทยใน 4-5 ปีข้างหน้า
-INETREIT (TP@14.2) ประเมินกำไรปี 2569 มีแรงหนุน INETREIT เตรียมขยายลงทุนในโครงการ INET-IDC 3 เฟส
2 ซึ่งจะหนุนปี 2569 ให้จ่ายปันผลเพิ่มเป็น 0.8100 บาท จาก 0.8000 บาทในปี 2568 ให้ผลตอบแทนราว 7% ต่อปีผสาน วงจรดอกเบี้ยสหรัฐฯเดินหน้าสู่ขาลงจะเป็นจิตวิทยาที่สร้างแรงส่งเพิ่มเติม
-INET (TP@5.85) ยังคงคำแนะนำ“ซื้อ”ภายใต้ธีมหุ้นราคา Undervalue เนื่องจากซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีราว 40%.แม้กำไรไตรมาส 3/68 ลดลง-50% y-y และ q-q แต่เป็นผลจากขาดทุนพิเศษด้านการลงทุนแบบครั้งเดียว ซึ่งหากตัดออกจะเห็นว่ากำไรปกติฟื้นตัวทั้ง y-y และ q-q และคาดปี 2569 กลับมาเติบโต+53.2%y-y คาดแรงส่งมาจากบริการที่สอดคล้อง Mega-theme หลักของโลก อาทิ Cloud และ Digital Platform นอกจากนี้ยังไม่รวมถึงผลบวกการขายทรัพย์สินเข้า INETREIT เพิ่มเติม จะหนุนแรงส่งเพิ่มเติมจากการนำเงินมาชำระหนี้และลงทุน Data Center แห่งใหม่เร่งการขยายตัวเพิ่มเติม
-SC (TP@2.8) แม้กำไรปี 2568 ยังเป็นไปตามภาพอุตสาหกรรมที่เผชิญหลายปัจจัยกดดัน อาทิผลกระทบเกี่ยวเนื่องกับแผ่นดินไหว รวมถึงเศรษฐกิจภายใน อย่างไรก็ตาม ประเมินปี 2569 คาดกำไร SC จะกลับมาเติบโตแรง+36% y-y สู่ 1.9 พันลบ. จากการโอน 2 คอนโดใหม่และธุรกิจโรงแรมที่ฟื้นตัว. ขณะที่ Valuation ที่ PER เพียง 3.6 เท่า คาดการณ์ Div Yield ปี 2569 มากกว่า 10% เป็นโอกาสสะสม
-TRUE (TP@18.2) TRUE กำลังก้าวสู่“เฟส 3” ของวัฏจักรการลงทุนที่มี FCF แข็งแกร่ง จาภภาพอุตสาหกรรมเข้าสู่ Upcycle เหลือผู้เล่น 2 รายที่ศักยภาพใกล้เคียงกัน ทำให้การแข่งขันเน้นที่การสร้างความแตกต่าง มากกว่าการใช้ราคา ผสาน ระยะกลาง-ยาวมีโอกาสเพิ่มเติมทางใดทางหนึ่ง จากการเข้ามาเร่งลงทุน Data Center ของยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศที่ไทย ผสาน การผ่านช่วงลงทุนหนักในเทคโนโลยีหลักไปแล้ว ทำให้แผนลดต้นทุนบริษัทที่ยังสูงกว่าอุตสาหกรรม เชื่อว่าจะเดินหน้าต่อเนื่อง คาดกำไรปี 2569 ขยายตัวแรง+35% ขณะที่การสร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง จะหนุนการเข้าสู่รอบจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ โดยคาด Dividend Payout Ratio จะเพิ่มเป็น 60% ในปี 2569 และ 70% ในปี 2570 จาก 50% ใน 2568 ทำให้ Dividend Yield เพิ่มเป็น 3.2% และ 4.2% ตามลำดับ (จาก 2.3% ใน 2568). ในกรณีดีที่สุด หาก TRUE ปรับอัตราจ่ายขึ้นเทียบเท่า ADVANC ที่ 95% จะให้Dividend Yield สูงถึง 5.1% ในปี 2569 และ 5.7% ในปี 2570
-BCPG (TP@9.4) สำหรับ BCPG ระยะยาวคาดกำไรปี 2569-2570 เติบโตแข็งแกร่ง 34% CAGR โดยมีปัจจัยหนุนได้แก่ i) การปรับขึ้นค่า CP ปี 2569/2570 ในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติสหรัฐในตลาด PJM ขึ้นจาก 270 $/MW-day เป็น 329$/MW-day ซึ่งจะเริ่มรับรู้เพิ่มเติมในเดือนมิ.ย. 2569 ii) การCOD โรงไฟฟ้าพลังงานลมในลาวและเวียดนามรวม 389 Equity MW เต็มปี (ลม Monsoon ในลาว COD ในไตรมาส 3/68 และลม VN คาด COD สิ้นปี2568 ) iii) การ partial COD โครงการโซล่าร์ในประเทศไต้หวันราว 100 MW แรกในปลายไตรมาส 2/69 ขณะที่ Valuation BCGP ปัจจุบันที่ซื้อขาย PBV ราว 0.7 เท่า ยังต่ำระดับ AVG– 1.0 S.D. ยังไม่สะท้อนภาพบวกแนวโน้มกำไรระยะถัดไปดังกล่าว
-MICRO (TP@1.25) โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่องในปี 2569 และผลการดำเนินงานปี 2568 -2569 อิงภาพจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัว น าโดยคุณภาพสินทรัพย์มีพัฒนาการดีขึ้น NPL ลด -9% q-q ทำให้ NPL Ratio ลดเหลือ 4.10% จากงวดไตรมาส 2/68 ที่ 4.17% หลังจากนี้บริษัทน่าจะกลับมาเน้นการกลับมาขยายฐานสินเชื่อ ผสานนโยบายรัฐบาลที่หนุนกำลังซื้อภายในมากขึ้น และวงจรดอกเบี้ยขาลงจะเป็นอีกแรงส่ง คาดกลับมากำไรปี 2568-2569 หลังขาดทุนในปี 2567 Valuation ปัจจุบันซื้อขาย PBV ราว 0.4 +/- เท่า ต่ำกว่า AVG– 1.0 S.D. มองเป็นโอกาสสะสมรอรับภาพบวกปี 2569
-MAGURO (TP@29.0) แม้อุตสาหกรรมมีความความกังวลตลาดเรื่องความเสี่ยงการแข่งขันและแนวโน้มกำไร แต่ผลประกอบการ ไตรมาส 3/68 ที่ขึ้นทำ All Time High ต่อเนื่อง สะท้อนภาพความแข็งแกร่งสินค้าและแบรนด์ซึ่งเป็นที่ยอมรับของตลาดเหนือคู่แข่ง ซึ่งมีความสำคัญกำหนดทิศทางเติบโตระยะถัดไปของบริษัท มองว่ากำไรยังอยู่ในทิศทางเติบโต ทั้ง y-y และ q-q ในไตรมาส 4/68 หนุนโดยการขยายแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และ ปี 2569 คาดกำไรขยายตัวอีก 24.7% ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 2026F เพียง 15 เท่า ต่ำกว่าฃกลุ่มที่ประมาณ 20 เท่า และมีโอกาสเห็นเม็ดเงินสลับจากหุ้นร้านอาหารอื่นมายัง MAGURO หนุนการ Re-rate Valuation ขึ้น
-PTG (TP@10.0) ประเมินแนวโน้มราคาน้ำมันปี 2569 ทรงตัวจากผลกระทบภาษีการค้าสหรัฐฯที่เข้ามาเต็มปีแต่จะประคองจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีอยู่บ้างรายพื้นที่ หนุนแนวโน้มค่าการตลาดผ่อนคลายจากภาพการแทรกแซงภาครัฐฯ ลดลงต่อเนื่อง ผสาน ภาคท่องเที่ยวปี 2569กลับมาฟื้นตัวน่าจะหนุนกิจกรรมเศรษฐกิจ การเดินทางท่องเที่ยวภายใน ช่วยให้กำไรปกติโตเฉลี่ย+18% CAGR ในช่วงปี 2568-2570 ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย Core PER ราว 6-7%, PBV ราว 1-1.2 เท่า vs ROE ปี 2568 -2569 ขยับสู่ 14% และ 15.7%
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
