รีเซต

STA-STGT รุกรัสเซีย โอกาสขยายฐานคู่ค้า

STA-STGT รุกรัสเซีย โอกาสขยายฐานคู่ค้า
ทันหุ้น
19 พฤศจิกายน 2568 ( 02:00 )
1

นายวีรสิทธิ์  สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ปัจจุบันกลุ่มบริษัทศรีตรังเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมยางพาราที่มีความเชี่ยวชาญครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ธุรกิจระดับต้นน้ำ  กลางน้ำ  และปลายน้ำ ดังนั้นเมื่อรัฐบาลเปิดตลาดการค้าใหม่ กลุ่มบริษัทจึงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดรับ สร้างโอกาสการเติบโตใหม่ในอนาคต

ล่าสุดกลุ่มบริษัทยกระดับความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการสวนยางพาราขึ้นเป็นกลุ่มธุรกิจ “ผู้ให้บริการดูแลสวนยางพาราแบบครบวงจร” มุ่งขยายพื้นที่เพาะปลูกยางพาราที่ได้รับการรับรอง FSCTM– FM 100% มุ่งเพิ่มสินค้าคุณภาพให้กับกลุ่มบริษัท และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันสินค้ายางพาราไทยในตลาดโลก

“บริษัทมีความเชี่ยวชาญตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ การคัดเลือกต้นกล้ายางพันธุ์ดี เพื่อให้มีช่วงเปิดกรีดที่เหมาะสม เพิ่มปริมาณผลผลิตต่อไร่ต่อปี การดูแลและบำรุงสวนยางให้เหมาะสมตามช่วงอายุ จนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต เพื่อให้ได้น้ำยาง ยางก้อนถ้วยที่มีคุณภาพ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายคือเจ้าของที่ดินที่สนใจสร้างรายได้จากการทำเกษตรกรรม  รวมถึงการเตรียมความพร้อมยกระดับผลิตผลยางพาราไทยรองรับการบังคับใช้กฎหมายใหม่ๆ ที่ประเทศคู่ค้าจะกำหนดขึ้นภายใต้นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจในอนาคต”

*โอกาสถุงมือยาง

ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลไทย เปิดตลาดการค้ากับรัสเซียว่า การขยายฐานการตลาดเข้าสู่ประเทศใหม่ๆ สร้างฐานคู่ค้ากลุ่มใหม่ถือเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการไทยอย่างมีนัยสำคัญ  โดยเฉพาะประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้ารถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ รวมถึงผลิตภัณฑ์ยาง เช่น ยางรถยนต์, ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยางรายใหญ่ของโลก

“การที่รัฐบาลเป็นผู้นำภาคเอกชนไปหา – เปิดตลาดใหม่ๆ ย่อมส่งผลดีต่อภาคเอกชนไทยโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์แปรรูปจากยางพาราอย่างถุงมือยาง ซึ่งปัจจุบันก็มีฐานการตลาดครอบคลุมหลายประเทศ อาทิอเมริกาเหนือ, ยุโรป, เอเชียแปซิฟิก, ญี่ปุ่น, จีน ตะวันออกกลาง, แอฟริกา, ออสเตรเลียทั่วโลก”

*ราคายางผ่านจุดต่ำสุด

                นางสาววฤณ  มหาดำรงค์กุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า ปัจจุบันประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยางพาราไทยคือประเทศจีน ดังนั้นการที่รัฐบาลไทยเป็นผู้นำในการขยายฐานการค้าเข้าสู่ประเทศใหม่ๆ จึงเป็นโอกาสของภาคเอกชน ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าภาคเอกชนไทยจะสามารถต่อยอด  สร้างความได้เปรียบในในอุตสาหกรรมใดบ้าง

                เบื้องต้นอุตสาหกรรมยางพาราไทยมีปัจจัยกดดันคือ ความไม่ชัดเจนของการประกาศบังคับใช้กฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า (EU Deforestation Regulation : EUDR) ของสหภาพยุโรป ซึ่งเลื่อนบังคับใช้จากปลายปี 2567 มาเป็นช่วงปลายปี 2568 นี้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมล้อยางรถยนต์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ดูดซับปริมาณผลผลิตยางพาราอันดับต้นๆ ของโลกชะลอการสั่งสต๊อกยางพารา (วัตถุดิบ) เพื่อรอความชัดเจน

                ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานของ STA ต่อเนื่อง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยังประมาณการผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2568 มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 3/2568 ที่ผ่านมา หนุนจากการกลับมา Re-Stocking วัตถุดิบของลูกค้ายางพาราหนุนปริมาณขายมีโอกาสเร่งตัวขึ้น QoQ และคาดราคาขายเฉลี่ยยางพาราผ่านจุดต่ำสุดแล้ว อิงตามราคา SICOM

                เบื้องต้น STA จะจัดประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งคาดหวังจะมีความชัดเจนของการประกาศใช้กฎหมาย EUDR ของยุโรป  ความผ่อนคลายของ US Tariff แม้ระยะสั้นผลการดำเนินงานปี 2568 อาจมี Downside แต่ยังคงประมาณการกำไรปี 2569 ที่ 1.43 พันล้านบาท จึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเหมาะสม ปี 2569 ที่ 17.70 บาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง