TOPรับผลดีGRMดีด จ่อขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิต้นปี69

#TOP #ทันหุ้น - TOP ชี้ ค่าการกลั่นอยู่ระดับสูงต่อเนื่องถึงต้นปี 2569 จากต้นไตรมาส 4/2568 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 9.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โต 115% จากไตรมาสก่อน เล็งขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิ 0.5-1 พันดอลลาร์ ต้นปีหน้า ด้านโบรกคงแนะนำ “ซื้อ” มองฐานะการเงินแข็งแกร่งปีหน้าจากเดินหน้าแผนเดินหน้า Asset Monetization ราคาไม่ขึ้นช้า เคาะราคาเหมาะสม 44 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในการประชุมนักวิเคราะห์ของ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP มีประเด็นบวกสำคัญหลายประกาศ โดยเฉพาะมองว่าค่าการกลั่นจะอยู่ระดับสูงต่อเนื่องจนถึงต้นปี 2569 โดยประเมินค่าการกลั่นสิงคโปร์ GRM ไตรมาส 4/2568 (ตั้งแต่ต.ค.-ถึงปัจจุบัน) อยู่ที่ 9.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 115% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) จากอุปทานตึงตัวตามความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ทำให้โรงกลั่นรัสเซียต้องลดผลิตลง การปิดตัวของโรงกลั่นในสหรัฐและยุโรป
@ค่าการกลั่นทรงตัวสูง
โรงกลั่นขนาดใหญ่ Dangote ยังผลิตน้ำมันเบนชินไม่เต็มที่จากปัญหาเทคนิค ระดับน้ำมันดีเซลคงคลังที่ต่ำร่วมกับความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว TOP มองว่าสถานการณ์ที่เป็นบวกเช่นนี้จะดำเนินต่อไปอย่างน้อยจนถึงต้นปีหน้า TOP ยังมองอีกว่าค่าการกลั่นจะอยู่ระดับสูงต่อเนื่องหลังปี 2570 เนื่องจากไม่มีโรงกลั่นเกิดใหม่ แต่ความต้องการน้ำมันยังคงเพิ่มขึ้นอยู่
ทั้งนี้ TOP ได้อัพเดตความคืบหน้าโครงการ CFP ว่ามั่นใจจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดตามแผนในไตรมาส 3/2571 ปัจจุบันได้จัดจ้างที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญ (Wood Group) เพื่อมาบริหารจัดการ โดย TOP จะเป็นผู้ทำสัญญาตรงกับผู้รับเหมางานด้านต่างๆ คาดครบ 100% ภายในปีนี้ และเริ่มก่อสร้างใหม่ต้นปีหน้า โดย TOP จะมุ่งเน้นดำเนินงานให้เป็นไปตามกรอบเวลาและงบประมาณราว 6 พันล้านดอลลาร์ โดยคงเหลือใช้เงินเพิ่มอีก 1.8 พันล้านดอลลาร์ และมั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยเพิ่มความสามารถแข่งขันให้ขึ้นไปอยู่อันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม
โดย TOP อยู่ระหว่างดำเนินแผน Asset Monetization ซึ่งคาดได้รับเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อลดหนี้ อันเป็นการรักษาอันดับ Credit Rating และมีแผนออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิต้นปีหน้าเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนโครงการ CFP ซึ่ง TOP มีเป้าหมายรักษา Net Debt/EBITDA 5-6 เท่า (ปัจจุบัน 5.8 เท่า ) ทำให้ฝ่ายวิจัยมองว่าค่าการกลั่นที่สูงขึ้น จะนำมาซึ่ง EBITDA ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยให้อัตราส่วนลดลงได้ในอนาคตข้างหน้า
@คาด Q4 กำไรกลับมาแกร่ง
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคาดกำไรปกติไตรมาส 4/2568 ของ TOP จะแข็งแกร่งมากตามการกลับมากลั่นเต็มที่ ที่อัตราการผลิต 110-113% ค่าการกลั่นปรับขึ้นมาก ตามสิงคโปร์ GRM และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นหลังผ่านการซ่อมบำรุงใหญ่ กำลังการกลั่นที่กลับสู่ภาวะปกติย่อมทำให้ปริมาณขายของธุรกิจอะโรเมติกส์ & LAB และ Lube กลับมาเพิ่มขึ้น แต่สเปรดน่าจะลดลงตามตลาดจีนที่ยังไม่ฟื้นตัว อุปทานเบนซินยังล้นตลาด และอุปทานสาร LAB เพิ่มขึ้นจากโรงในอินเดียและจีน
โดยฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 44 บาทต่อหุ้น จากค่าการกลั่นที่อยู่ระดับสูงต่อเนื่องจนถึงต้นปีหน้า ซึ่ง TOP จะได้ประโยชน์สูงจากการเป็นโรงกลั่นขนาดใหญ่ที่สุดและประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นหลังหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ นอกจากนั้น แผนการทำ Asset Monetization จะทำให้ฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้นในปีหน้า รวมถึงโครงการ CFP จะเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญในระยะยาว อีกทั้งในช่วงนี้ราคาหุ้นยังปรับขึ้นช้ากว่าหุ้นโรงกลั่นอื่นโดยเฉพาะ SPRC โดย
บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า TOP ได้ประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหาร TOP ระบุว่ามีแผนในการออกหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ วงเงิน 0.5-1 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงต้นปี 2569 และเดินหน้าศึกษาการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นเงินสดเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนส่วนที่เหลือของค่าใช้จ่ายการลงทุน (CAPEX) ของโครงการ CFP ประมาณ 1.8 พันล้านดอลลาร์ เครื่องมือทางการเงินเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อควบคุมอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ของ TOP ให้อยู่ที่ประมาณ 5-6 เท่า โดยจากแบบจำลองทางการเงินของฝ่ายวิจัย พบว่า TOP ต้องการเงินสดจากเครื่องมือทั้ง 2 ราว 4-4.5 หมื่นล้านบาท เพื่อควบคุมอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ให้ลงมาอยู่ในระดับดังกล่าว
อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำ “ซื้อ” TOP ด้วย ราคาเป้าหมายกลางปี 2569 ที่ 39.30 บาท โดยมองราคาหุ้นที่ไม่แพง มีกำไรที่แข็งแกร่งกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรม และความคืบหน้าที่ต่อเนื่องของโครงการ CFP ทั้งนี้ TOP ซื้อขายด้วย P/BV ปี 2569 ที่ 0.47 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงกลั่นในประเทศที่ 0.51 เท่า ขณะที่อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ของ TOP อยู่ที่ 4.5% เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 2.6% ราคาเป้าหมายกลางปี 2569 ของฝ่ายวิจัยอิง P/BV ปี 2568-2569 ที่ 0.46 เท่า
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
