AVGO +24% ไตรมาส 4 โตแกร่ง HSI -2% นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจีนยังไม่ชัด
#หุ้นต่างประเทศ #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.เอเซียพลัส
ตลาดหุ้นสหรัฐฯดัชนี S&P500 ปิดตลาดทรงตัว หลังนักลงทุนจับตาการประชุม FOMC ในสัปดาห์นี้เพื่อดูทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า ขณะที่ Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ มีการปรับตัวขึ้น 7bps สะท้อนมุมมองของตลาดที่คาดว่า Fed จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ช้าลงในปีหน้าจากเงินเฟ้อที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูง
Broadcom (AVGO US) +24.43% หลังบริษัทเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ $1.41 หมื่นล้าน (+51% YoY) หนุนโดยธุรกิจหลักอย่าง Semiconductor และ Infrastructure Software อีกทั้งบริษัทคาดว่ารายได้ในไตรมาสถัดไปจะอยู่ที่ $1.46 หมื่นล้าน (+22% YoY) โดยเรายังแนะนำทยอยสะสมในช่วงที่ราคามีการย่อตัวด้วยแรงหนุนจากการเติบโตในส่วนของรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
สภานิติบัญญัติของเกาหลีใต้ลงมติเห็นชอบถอดถอนประธานาธิบดี Yoon Suk Yeol ออกจากตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงสนับสนุน 204 เสียง ต่อคะแนนเสียงคัดค้าน 85 เสียง ผลการลงมติของสมาชิกสภานิติบัญญัติครั้งนี้จะทำให้ Yoon Suk Yeol ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ประธานาธิบดีทันที เพื่อรอการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญภายในไม่เกิน 180 วัน และ Han Duk-Soo ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทนโดยทางด้านธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BoK) ออกแถลงการณ์จะใช้เครื่องมือนโยบายทุกรูปแบบที่มี เพื่อรับมือและสกัดไม่ให้ตลาดการเงินและตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศผันผวนหนักขึ้นกว่าเดิม
ประธานาธิบดี Macron ได้ประกาศแต่งตั้งนาย François Bayrou เป็นนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนใหม่ อย่างไรก็ดี ทางด้าน Moody’s ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ปรับลดอันดับเครดิตของฝรั่งเศสสู่ระดับ Aa3 (จากเดิม Aa2) โดยทาง Moody’s มองว่ามีความเป็นไปได้ต่ำมาก ที่รัฐบาลชุดใหม่จะสามารถลดขนาดของการขาดดุลงบประมาณได้ในปีหน้า ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีคนใหม่มีภารกิจสำคัญที่ต้องเร่งผลักดันร่างงบประมาณประมาณประจำปี FY2568 ให้แล้วเสร็จ ภายในเดือน ธ.ค. นี้ ก่อนเข้าสู่ปีงบประมาณใหม่ในวันที่ 1 ม.ค. 2568
สัปดาห์นี้ตลาดคาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps ขณะที่คาดว่า BoE และ BoJ จะคงอัตราดอกเบี้ยเช่นเดิม
นอกจากนี้ สภาบนของญี่ปุ่นอาจมีการโหวตเห็นชอบร่างงบประมาณ FY2567 เพิ่มเติม (วงเงิน 13.9 ล้านล้านเยน) รวมทั้งภายในสัปดาห์นี้ทางสภาญี่ปุ่น อาจมีการพิจารณามาตรการปฏิรูปภาษี ซึ่งรวมไปถึงการปรับเพิ่มภาษีนิติบุคคและภาษียาสูบ
ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ จะมีรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือน ธ.ค. ในประเทศหลัก รวมทั้งรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของจีน เช่น ยอดค้าปลีก
.
Broadcom Inc. (AVGO US) +24.43%หลังเผยรายเผaประกอบการโตรมาส 4ที่แสดงให้เห็นถึงรายได้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ AI มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ผลประกอบการไตรมาสที่ 4ปีบัญชี 2567
- รายได้รวมอยู่ที่ $1.41หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 51% YoY (น้อยกว่าคาดเล็กน้อย 0.17%) ขับเคลื่อนโดยรายได้หลัก Semiconductor Solutions อยู่ที่ $8.23 พันล้าน เพิ่มขึ้น 12% YoY (ดีกว่าคาด 2.28%) และ รายได้ Infrastructure Software อยู่ที่ $5.82 พันล้าน เพิ่มขึ้น 196% YoY (น้อยกว่าคาด 3.37%)
- กำไรสุทธิ (Non-GAAP) อยู่ที่ 86.97 พันล้าน (+45% YoY) พณะที่กำไรสุทธิต่อหุ้น (Non-GAAP EPS) อยู่ที่ $1.42 (ดีกว่าคาด 1.87%)
ผลประกอบการปีบัญชี 2567
- รายได้รวมอยู่ที่ $5.16หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 44% YoY โดยมีรายได้จาก Semiconductor Solutions อยู่ที่ $3.01 หมื่นล้าน (+7% YoY) และ รายได้ Infrastructure Software อยู่ที่ $2.15 หมื่นล้าน (+181% YoY)
- กำไรสุทธิ (Non-GAAP) อยู่ที่ $2.37 หมื่นล้าน (+29% YoY) ขณะที่กำไรสุทธิต่อหุ้น อยู่ที่ $4.87
ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตมาจาก
- ผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Broadcom มีรายได้ 22หมื่นล้านในปี 2567 เพิ่มขึ้น 220% YoY โดยผลิตภัณฑ์ AI อย่าง XPU และเครือข่าย Ethernet มีบทบาทสำคัญในการเติบโตนี้
แนวโน้มไตรมาส 1ปีบัญชี 2568 บริษัทคาดรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ $1.46 หมื่นล้าน(+22% YoY) โดยมองรายได้จาก AI Semiconductor จะอยู่ที่ประมาณ $3.8 พันล้าน (+65% YoY) ขณะที่รายได้จาก Semiconductor ที่ไม่ใช่ AI คาดว่าจะลดลงในระดับ Mid-teens (%YoY)
-Hock Tan, CEO ของ Broadcom เน้นย้ำถึงโอกาสสำคัญในตลาดปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยคาดการณ์ขนาดตลาดรวม (TAM) สำหรับ AI Semiconductor ในปีงบประมาณ 2570 จะอยู่ระหว่าง $6.0-89.0 หมื่นล้าน ซึ่งขับเคลื่อนโดยการ์ใช้งานคลัสเตอร์ Accelerator ที่มากถึง 1 ล้านชุดในแต่ละเจ้า จาก Hyperscalers หลักสามราย ได้แก่ Bytedance, Google และMeta
- บอกจากนี้ Hook Tan ยังยืนยันว่า Broadcom ได้เซ็นสัญญากับ Hyperscalers เพิ่มอีกสองราย ซึ่งตลาดมีการคาดการณ์ว่าอาจรวมถึง OpenAI และ Apple เพื่อการใช้งานที่คล้ายกันภายในปี 2570 รวมถึงยังประกาศแผนที่จะเริ่มรายงานรายได้จาก Semiconductor สําหรับ AI และ Non-AI แยกจากกันในอนาคต ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของ AI ในกลยุทธการเติบโตของบริษัท
ดัชนี Hang Seng (HSI) -2.09%, Hang Seng China Enterprises (HSCE) -2.36% และ Hang Seng TECH (HSTECH) -2.63% หลังผลการประชุม CEWC ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ไม่ได้มีการระบุรายละเอียดที่ชัดเจนในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ยังแสดงถึงจุดยืนในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ พร้อมแสดงความกังวลต่อความท้าทายจากปัจจัยภายนอก และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการกระตุ้นอุปสงค์และการบริโภคในประเทศ รวมถึงการประสานเชิงนโยบาย
- Macquarie ชี้ว่านโยบายการเงินของจีนยังไม่สามารถกระตุ้นตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากตลาดยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น พร้อมระบุว่าการที่ Donald Trump ได้รับเลือกตั้งใหม่ทำให้ความกังวลเรื่องภาษีนำเข้ายังคงเป็นปัจจัยหลัก ขณะที่ความต้องการในจีนยังถูกกดดันจากความกังวลเรื่องเงินฝืด โดย Macquarie คาดว่านโยบายการคลังขนาดใหญ่จะเริ่มปรากฏในไตรมาส 2 หลังการประชุม "Two Sessions" ในเดือนมีนาคม 2568 รวมถึงคาดว่าความผันผวนในตลาดจะเพิ่มขึ้นในปี 2568 มองธีมสำคัญจะเป็นการควบรวมกิจการของรัฐวิสาหกิจ (SOEs) และการปรับโครงสร้างองค์กร หุ้น Top Pick ได้แก่Meituan (3690 HIK), Yum China (9987 HK), Midea Group (300 HK), Xiaomi (1810 HK), Tsingtao Brew (168 HK) และ Geely Auto (175 HK)
-Goldman Sachs มองว่านโยบายที่เพิ่มเติมจากการประชุม CEWC ยังคงมีข้อจำกัดเมื่อเทียบกับการประชุม Politburo เมื่อวันจันทร์ที่ผ่าน แม้ว่าจะเน้นไปที่การบริโภคและแผนกระตุ้นอัตราการเกิดแต่ส่งผลบวกเพียงเล็กน้อยต่อตลาด ขณะที่การขาดรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์และการจัดการเงินเฟ้ออาจส่งผลลบ ซึ่ง Goldman Sachs คาดว่าการประชุม Two Sessions ระดับมณฑลในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2568และระดับประเทศในเดือนมีมาคม จะเป็นตัวกระตุ้นสำคัญ โดยอาจมีการประกาศเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ
- BOCI ระบุว่าดัชนี H-share ของภาคธนาคารเพิ่มขึ้น +32.7% ตั้งแต่ต้นปี สูงกว่าดัชนี HSI ที่เพิ่มขึ้น +19.196 (As of 10 December 2567) ขณะที่คาดว่าปัจจัยพื้นฐานของภาคธนาคารจะยังแข็งแกร่งต่อในปี 2568 นอกจากนั้นในสภาพแวดล้อมที่อัตราผลตอบแทบจากดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลงและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น จะทำให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับหุ้นธนาคารในฝั่ง H-share ที่มีมูลค่าต่ำและให้ผลตอบแทบปันผลสูง ทำให้ทาง BOCI ยังคงคำแนะนำ "Overweight" สำหรับภาคธนาคาร โดยหุ้น Top Pick คือ ABC (1288 HK), CCB (939 HK), ICBC (1398 HK), CM BANK (3968 HK) PSBC (1658 HK) และCEB BANK (06818 HK)