เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (2 ส.ค. 2565)

สหภาพยุโรป (EU) ได้บังคับใช้ข้อตกลงลดการบริโภคก๊าซ 15% เพื่อลดการพึ่งพาก๊าซจากรัสเซีย          

บรรดาประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) เริ่มปฏิบัติตามข้อตกลง ลดความต้องการบริโภคก๊าซโดยความสมัครใจ 15% ในฤดูหนาวปีนี้  และเพื่อให้แน่ใจว่ามีการหมุนเวียนของพลังงานอย่างเพียงพอในภูมิภาค ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวชาติสมาชิกอียูทำข้อตกลงร่วมกันไว้เมื่อวันที่ 26 กรกฏาคมที่ผ่านมา เพื่อให้ชาติสมาชิกอียูลดความต้องการใช้ก๊าซ 15% เมื่อเทียบกับการบริโภคเฉลี่ยแล้วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา  โดยระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2022 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2023 ชาติสมาชิกอียูต้องปฏิบัติตามข้อตกลงนี้

อียูระบุว่า การลดความต้องการบริโภคก๊าซเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายก่อนฤดูหนาวมาถึง และเตรียมความพร้อมที่อาจเกิดสถานการณ์วุ่นวายจากการที่รัสเซียไม่ส่งก๊าซมาให้ และเพื่อที่จะลดการบริโภคก๊าซ ประเทศมากมายในยุโรปประกาศเปิดโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินอีกครั้ง หรือดำเนินมาตรการอื่นเพื่อสนับสนุนการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยถ่านหิน
‘คริสเตียน ลินด์เนอร์’ รัฐมนตรีคลังของเยอรมนี เรียกร้องให้หยุดการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยการใช้ก๊าซ นอกจากนี้ ‘ลินด์เนอร์’ ยังเรียกร้องให้เยอรมนีใช้โรงงานนิวเคลียร์ไปจนถึงปี 2024 เนื่องจากปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสภาพอากาศ

ทั้งนี้ เยอรมนีหยุดเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ของโรงงานนิวเคลียร์ไปแล้ว 3 แห่งเมื่อปีที่แล้ว และจะเลิกใช้โรงงานนิวเคลียร์อีก 3 แห่งในช่วงสิ้นเดือนธันวาคม    

อย่างไรก็ตาม ไตรมาสแรกของปีนี้โรงงานนิวเคลียร์ของเยอรมนีมีสัดส่วนการผลิตกระแสไฟฟ้าในประเทศ 6% ขณะที่การใช้ก๊าซมีสัดส่วนการผลิตกระแสไฟฟ้า 13%  

ข้อมูล TNN World

ภาพ: Reuters