‘สี จิ้นผิง’ กระชับอำนาจสมัย 3 จับตาประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน
จีนเตรียมจัดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 20 ในปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งปูทางสู่การเป็นผู้นำจีนต่อในสมัยที่สามของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และคาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนผู้ดูแลหลายนโยบายของจีนด้วย
---ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน---
การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 20 จะเริ่มขึ้นวันที่ 16 ตุลาคมนี้ ยาวไปประมาณ 1 สัปดาห์ และมีสมาชิกพรรคราว 2,300 คน มาเข้าร่วมการประชุมแบบปิดที่หอประชุมประชาชน บริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมิน ใจกลางกรุงปักกิ่งของจีน
ส่วนเนื้อหาหลัก ๆ ในการประชุม ที่สามารถคาดการณ์ได้ ก็คือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง วัย 69 ปี จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญต่อในสมัยที่ 3 ที่มีวาระ 5 ปี ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และมีการสับเปลี่ยนหน้าที่ของบรรดาผู้บริหารระดับสูงบางคน เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ, สังคม, การทูต และความมั่นคง ในช่วงระยะเวลา 5 ปี นับจากนี้ไป
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า “สี จิ้งผิง” ได้รวบรวมอำนาจไว้อย่างมั่นคงนับตั้งแต่ที่เขาขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
แม้ว่าจะมีอุปสรรคต่อการดำรงตำแหน่งผู้นำจีนสมัยที่ 3 อยู่บ้าง อาทิ ปัญหาเศรษฐกิจ, การระบาดของโควิด-19 รวมถึงปัญหาขัดแย้งกับชาติตะวันตก และความตึงเครียดบริเวณช่องแคบไต้หวัน แต่เขาก็ยังคงได้รับอำนาจให้ดำเนินการตามวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ของเขาในการพัฒนาประเทศในช่วงระยะเวลานับจากนี้ต่อไปอีกหลายปี
---โครงสร้างพรรคคอมมิวนิสต์จีน---
การประชุมในเดือนตุลาคมนี้ จะเป็นการตัดสินใจว่าใครจะได้เป็นแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยผู้แทน 2300 คน จะเลือกคณะกรรมการกลางเต็มคณะชุดใหม่ ที่มีสมาชิก 200 คน
คณะกรรมการกลางจะคัดเลือกผู้นำอีกที ซึ่งคือ คณะกรรมการกรมการเมือง หรือโปลิตบูโร มีสมาชิก 25 คน ในจำนวนนี้ 7 คน เป็นคณะกรรมการประจำ หรือ Standing Committee ซึ่งถือว่ามีอำนาจสูงสุด เช่น ประธานาธิบดีสี และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง เป็นสมาชิกอยู่ในเวลานี้
ปัจจุบัน ประธานาธิบดีสี ดำรง 3 ตำแหน่งหลัก คือ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประธานคณะกรรมการกลางทหาร และประธานาธิบดีจีน
ในการประชุมสมัชชาพรรคครั้งนี้ คาดว่าประธานาธิบดีสี จะยังคงรั้งสองตำแหน่งแรก แต่การยืนยันตำแหน่งประธานาธิบดี หรือนายกรัฐมนตรี จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมปีหน้า ซึ่งจะมีการประชุมของรัฐบาลจีน
---จับตาใครแทน ‘หลี่ เค่อเฉียง’ ดูแลด้านเศรษฐกิจ---
สิ่งที่มีการจับตามากในการประชุมครั้งนี้ คือ การปรับเปลี่ยนตำแหน่งทางการเมือง แทนนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ซึ่งมีอายุ 67 ปี โดยก่อนหน้านี้ หลี่เคยประกาศว่าปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเขา ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า หลี่จะไม่เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ แต่อาจยังคงเป็นสมาชิกโปลิตยูโรต่อไป
ทั้งนี้ แม้นโยบายด้านเศรษฐกิจของจีน จัดทำโดยคณะกรรมการกรมการเมือง แต่ที่ผ่านมา หลี่ถือเป็นโฉมหน้าของนโยบายด้านนี้ และเป็นผู้นำในการบังคับใช้ ในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธานคณะมนตรีรัฐกิจ ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารสูงสุดของประเทศ
ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีจีนเกือบทั้งหมด มักเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีมาก่อน และในเวลานี้ มีรองนายกรัฐมนตรีสี่คน คือ หาน เจิ้ง, หู ชุนหัว, หลิว เหอ และซุน ชุนหลาน ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในคณะโปลิตบูโร
นอกจากนี้ ยังมีคนใกล้ชิดของนายสีอีกคน ที่เป็นตัวเก็ง คือ หลี่ เฉียง เลขาธิการพรรคประจำเซี่ยงไฮ้และเป็นคณะกรรมการโปลิตบูโรด้วย
---นโยบายต่างประเทศของจีน---
มีการคาดการณ์ว่า หยาง เจี่ยฉี คณะกรรมการโปลิตบูโรวัย 72 ปี ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานกิจการต่างประเทศของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ จะเกษียณ
เขาเป็นนักการทูตมานาน และร่วมประชุมครั้งสำคัญระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมาหลายครั้ง
ขณะนี้มีการคาดการณ์ผู้ที่จะมาแทนเขา คือ หลิว เจี่ยอี๋ ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการไต้หวัน ของคณะมนตรีรัฐกิจ หรือ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งมีอายุ 69 ปี นักวิเคราะห์มองว่า หากเป็น หวัง อี้ นโยบายต่างประเทศของจีนน่าจะเข้มข้นต่อไป
ทั้งนี้ โดยทั่วไปแล้ว เจ้าหน้าที่จีนจะเกษียณอายุที่ 68 ปี
---ใครคือทายาทสี จิ้นผิง---
Channal News Asia รายงานว่า สิ่งที่ผู้คนจับตา ไม่ได้เป็นเรื่องสี จะกระชับอำนาจอย่างไร แต่เป็นเรื่องทายาททางการเมืองของเขามากกว่า
ใครที่เขาจะเตรียมพร้อมให้เป็นคนที่ใช่ในอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้ ซึ่งที่ผ่านมา ภายใต้การนำของสี จิ้นผิง เป็นการยึดอยู่ที่ตัวบุคคลของเขาโดยเฉพาะ
ในฉากทัศน์ที่ดีที่สุด จีนจะมีความมั่นคงและสี จิ้นผิง จะปกครองจีนไปจนถึงปี 2035
ส่วนในฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุด คือ เกิดสุญญากาศทางการเมืองจีน
—————
แปล-เรียบเรียง: ธันย์ชนก จงยศยิ่ง
ภาพ: Reuters
ข้อมูลอ้างอิง: