รีเซต

สรุปสัปดาห์โกลาหลของ Facebook จากระบบล้มครืน ถึงอดีตพนักงานเปิดโปง

สรุปสัปดาห์โกลาหลของ Facebook จากระบบล้มครืน ถึงอดีตพนักงานเปิดโปง
TNN ช่อง16
6 ตุลาคม 2564 ( 17:13 )
106
สรุปสัปดาห์โกลาหลของ Facebook จากระบบล้มครืน ถึงอดีตพนักงานเปิดโปง

จากกรณีที่เมื่อวันก่อนนี้ สื่อสังคมออนไลน์ 3 แพลตฟอร์ม ทั้ง Facebook, Instagram และ Whapsapp ล่ม จนใช้การไม่ได้ไปพร้อม ๆ กันยาวนานเกือบ 6 ชั่วโมง ทำให้เรื่องราวของ Facebook ถูกจับตามองขึ้นมาอีกครั้ง ว่าเกิดอะไรขึ้น


ซีอีโอ มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ออกมายอมรับความผิดพลาด และชี้ว่าเกิดจาก ‘เราเตอร์’ (Router) ตัวหลักขัดข้อง แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นถือว่ามหาศาล


ยังไม่ทันข้ามวันดี Facebook ก็เผชิญกับการเปิดโปงครั้งใหญ่ โดย ฟรานเชส เฮาเกน นักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลวัย 37 ปี จากรัฐไอโอวา อดีตลูกจ้างของ Facebook ในตำแหน่งผู้จัดการผลิตภัณฑ์ทีมจัดการการเผยแพร่ข้อมูลผิด ๆ


เธอออกมาแฉไปว่าเฟซบุ๊กเน้นกำไร มาก่อนเรื่องความปลอดภัยนั้น และวันนี้ (6 ตุลาคม) เธอก็ได้เข้าให้ปากคำกับวุฒิสภาของสหรัฐฯ


◾◾◾

🔴 สรุปคำให้การแฉ Facebook


เฮาเกน ระบุว่า เฟซบุ๊กมุ่งเน้นสร้างผลกำไรมากกว่าที่จะสนใจความปลอดภัยของผู้ใช้งาน เนื่องจากอัลกอริธึมของ Facebook มักจะแสดงโพสต์ที่มียอดการกดไลค์กดแชร์สูง ซึ่งบางกรณีโพสต์ดังกล่าวอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานได้


อีกทั้ง อัลกอริธึมของ Facebook ยังสามารถนำผู้ใช้งานรุ่นเยาว์ไปเจอกับคอนเทนต์ หรือเนื้อหาที่หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่สูตรอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ไปจนถึงเนื้อหาที่ส่งเสริมโรคคลั่งผอม หรือ Anorexia ซึ่งเป็นภัยต่อสุขภาพจิตของเยาวชน


เฮาเกน ระบุว่า เธอได้เสนอวิธีแก้ปัญหาให้ Facebook เปลี่ยนอัลกอริธึม เพื่อหยุดมุ่งเน้นไปที่การแสดงโพสต์ที่มียอดไลค์ยอดแชร์สูง ๆ ไปยังหน้าฟีด หรือหน้าแรกของผู้ใช้งาน และขอให้เปลี่ยนแปลงการแสดงในหน้าฟีดตามลำดับเวลา ซึ่งเธอมองว่าจะช่วยให้ Facebook นำเสนอเนื้อหาที่ปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น


◾◾◾

🔴 Facebook เลวร้ายที่สุดแล้ว


เฮาเกน ระบุว่า Facebook เองอาจไม่ได้ตั้งใจสร้างแพลตฟอร์มที่เป็นอันตราย แต่ท้ายที่สุด มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งควรจะต้องรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้นตามมา


ไม่เพียงเท่านั้น เธอบอกว่า เคยผ่านการทำงานให้กับบริษัทเทคโนโลยีมาแล้วหลายบริษัท รวมทั้ง กูเกิล (Google) พินเทอเรสต์ (Pinterest) และ Facebook


แต่ Facebook คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา เพราะนี่คือแพลตฟอร์มที่กำลังฉีกให้สังคมแตกเป็นเสี่ยง ๆ, ทำให้ประชาธิปไตยสั่นคลอน และทำให้วัยรุ่นหญิงและผู้หญิงรู้สึกแย่เกี่ยวกับร่างกายของพวกเขา


◾◾◾

🔴 คู่กัดในสภาผสานเสียง


การรับฟังการให้ปากคำของวุฒิสภาทั้งรีพับลิกันและเดโมแครตครั้งนี้ ปรากฎว่า ส.ว.ของทั้ง 2 พรรค ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงบริษัทแห่งนี้ ซึ่งนับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักที่ทั้ง 2 พรรคเห็นพ้องกัน


"การทำลาย 'ความพึงพอใจในตนเอง' และ 'คุณค่าของตัวเอง' จาก Facebook นั้น กำลังหลอกหลอนกลุ่มคนรุ่นใหม่อยู่" ริชาร์ด บลูเมนธัล วุฒิสมาชิกเดโมแครตกล่าว


ขณะที่ วุฒิสมาชิกแดน ซัลลิแวน จากพรรครีพับลิกัน ระบุว่า โลกควรจับตาเรื่องนี้ และตั้งคำถามว่า มันเกิดอะไรขึ้น? และจะกระทบต่อเด็ก ๆ ของพวกเรามากน้อยขนาดไหน?


◾◾◾

🔴 Facebook โต้แย้งสุดตัว


ภายหลังการให้ปากคำของนางฮอเกน ลีน่า เพียตช์ โฆษกหญิงของ Facebook ระบุในแถลงการณ์ว่า ทางบริษัทไม่เห็นด้วยกับการวิจารณ์บริษัทของนางฮอเกน


"จากเรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้ เราเห็นด้วยในอย่างเดียวคือ มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องเริ่มกำหนด 'กฎมาตรฐาน' สำหรับการใช้งานอินเตอร์เน็ต...ซึ่งตอนนี้ผ่านมาแล้ว 25 ปี นับตั้งแต่ที่มีการออกกฎสำหรับการใช้อินเตอร์เน็ต”


“และแทนที่จะคาดหวังให้อุตสาหกรรมเป็นผู้เปลี่ยนแปลงกฎดังกล่าว มันเป็นเวลาที่สภาคองเกรสควรต้องเป็นผู้ดำเนินการ"


ด้านซัคเคอร์เบิร์ก ก็ออกมาตอบโต้ทันที ระบุว่าการเปิดเผยของเฮาเกนนั้น "เป็นการสร้างภาพผิด ๆ ให้กับบริษัท"


ซัคเคอร์เบิร์ก ได้เขียนจดหมายถึงพนักงานของเขา ระบุว่า ข้อกล่าวหาหลาย ๆ อย่างนั้น "ไม่มีเหตุผล" พร้อมชี้แจงว่า พนักงานทุกคนพยายามอย่างยิ่งที่จะต่อสู้กับเนื้อหาที่เป็นอันตราย, สร้างความโปร่งใส และการสร้างการวิจัยชั้นนำของอุตสาหกรรมภายใต้ประเด็นสำคัญต่าง ๆ เหล่านี้


"เราให้ความสนใจอย่างมากเกี่ยวกับประเด็นความปลอดภัย, ความเป็นอยู่ที่ดี และสุขภาพจิตที่ดี" ซัคเคอร์เบิร์กเขียนในจดหมาย ที่เผยแพร่ผ่านเพจ Facebook ของเขาเอง


ทั้งนี้ Facebook เป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นที่นิยมที่สุดในโลก มีผู้ใช้บริการราว 2,700 ล้านคนต่อเดือน ขณะที่อีกหลายร้อยล้านคนใช้ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของบริษัท รวมถึง Whatsapp และ Instagram ด้วย


และก่อนหน้านี้เอง Facebook ก็เคยถูกวิจารณ์มาแล้วว่า ล้มเหลวที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน และหยุดการเผยแพร่ข้อมูลผิด ๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง