'กกร.'ยื้อไม่ไหว หั่นประมาณการณ์จีดีพี ปี'63 ติดลบ8% ห่วงบาทแข็ง
‘กกร.’ยื้อไม่ไหว หั่นประมาณการณ์จีดีพี ปี’63 ติดลบ8% ห่วงบาทแข็ง
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มีมติปรับลดประมาณการณ์อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปี 2563 ทั้งปี ลบ8% ถึง ลบ5% จากครั้งก่อนคาด ลบ5% ถึง ลบ3% การส่งออกคาด ลบ10% ถึง ลบ7% จากเดิมคาด ลบ10% ถึง ลบ5% และเงินเฟ้อคาด ลบ1.5% ถึง ลบ1% โดยประเมินเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2563 น่าจะหดตัวลงลึกสู่อัตราเลขสองหลัก
ทั้งนี้ เนื่องจากประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังยังเผชิญความไม่แน่นอนสูง จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในบางประเทศยังรุนแรง ทำให้การเปิดพรมแดนระหว่างประเทศของไทยคงเกิดขึ้นอย่างจำกัด ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ประกอบกับแรงฉุดจากเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ และประเทศอื่น
นายปรีดี กล่าวว่า แม้ภาครัฐจะทยอยคลายล็อคให้กิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาเปิดดำเนินการ แต่เครื่องชี้เศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาวะหดตัว เศรษฐกิจโลกยังถดถอยและสถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศยังไม่ยุติ อีกทั้งทิศทางเงินบาทที่แข็งค่าอาจยังกดดันการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะหมวดสินค้าไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพ
“กกร.ยอมรับมีความเป็นห่วงเรื่องเงินบาทที่แข็งค่าในอัตราที่เร็วกว่าสกุลเงินอื่นในภูมิภาคช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา และยังมีความเป็นไปได้ที่เงินบาทจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอีกในระยะข้างหน้า จากเงินดอลลาร์สหรัฐที่อยู่ภายใต้แรงกดดันจากเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแอกว่าที่คาด และการดำเนินนโยบายอัดฉีดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(คิวอี) ของหสรัฐ” นายปรีดีกล่าว
นายปรีดี กล่าวว่า กกร.หวังว่ามาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด ควบคู่กับแรงขับเคลื่อนจากกลไกภาครัฐผ่านการอนุมัติแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 4 แสนล้านบาทให้เกิดผลเป็นรูปธรรม จะเข้ามาช่วยประคองให้เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ และทยอยฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด เพราะการกลับสู่ภาวะปกติก่อนโควิดของกิจกรรมทางเศรษฐกิจคงต้องใช้เวลาและจำเป็นต้องอาศัยการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง