รีเซต

ติดโควิดพุ่ง 10-20% คาดจะลดลงหลังปีใหม่ สธ.สั่งทุก รพ. เปิดจุดฉีดวัคซีน

ติดโควิดพุ่ง 10-20% คาดจะลดลงหลังปีใหม่ สธ.สั่งทุก รพ. เปิดจุดฉีดวัคซีน
TNN ช่อง16
25 พฤศจิกายน 2565 ( 12:50 )
60
ติดโควิดพุ่ง 10-20% คาดจะลดลงหลังปีใหม่ สธ.สั่งทุก รพ. เปิดจุดฉีดวัคซีน

สธ.เผยผู้ป่วยโควิด-19 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ร้อยละ 10-20 และคาดว่าจะลดลงหลังปีใหม่ พร้อมสั่งทุกโรงพยาบาลเปิดจุดฉีดวัคซีน และจัดรถฉีดวัคซีนเคลื่อนที่บริการประชาชนที่เริ่มเข้ามารับวัคซีนเพิ่มขึ้น


วันนี้ (25 พ.ย.65) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ว่า ขณะนี้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-20 ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เชื้อว่าหลังปีใหม่ผู้ติดเชื้อจะเริ่มลดลง

ส่วนผู้เสียชีวิตเฉลี่ยไม่เกิน 10 รายต่อวัน แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงต้องติดตามใกล้ชิด อย่างไรก็ตามสถานพยาบาลแต่ละแห่งยังสามารถรองรับรับได้เนื่องจากส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง รักษาแบบผู้ป่วยนอก 

นพ.โอภาส ระบุด้วยว่า สถานการณ์การติดเชื้อที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทำให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงได้กำชับให้สาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลทุกแห่งกำหนดเป้าหมายการฉีดวัคซีนระยะนี้อย่างจริงจังและติดตามอย่างต่อเนื่อง

โดยให้ทุก รพ.ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขจัดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด และจัดรถฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ ให้ประชาชนมารับบริการได้อย่างสะดวก พร้อมย้ำว่าวัคซีนมีเพียงพอและกระจายไปแล้วทุกพื้นที่ 

สำหรับสายพันธุ์ BA.2.75 ที่มีสัดส่วนการระบาดเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ 

นพ.โอภาส ย้ำว่าการกลายพันธุ์เป็นเรื่องปกติของเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ก็กลายพันธุ์จึงต้องฉีดวัคซีนทุกปี ไวรัสโควิดก็กลายพันธุ์ตลอดจากสายพันธุ์ดั้งเดิม เป็นอัลฟา เบตา เดลตา และโอมิครอน ซึ่งก็กลายพันธุ์สายพันธุ์ย่อยอีก การกลายพันธุ์ต้องดูว่ามีนัยสำคัญทำให้รุนแรงมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งที่มีการกลายพันธุ์ในปัจจุบัยก็ยังไม่ได้รุนแรงมากกว่าสายพันธุ์เดิม

การดื้อต่อการรักษาหรือไม่ ตอนนี้ยาต่างๆ ที่มีอย่างเพียงพอก็มีประสิทธิภาพรักษาได้ดี ส่วนติดเชื้อง่ายขึ้นหรือไม่ ตัวใหม่ๆ สามารถแพร่กระจายติดเชื้อมากขึ้น แต่ไม่ได้มากจนวิตกเกินไป มาตรการปัจจุบัน คือ สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด และการเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นยังสามารถป้องกันควบคุมโรคได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เฝ้าระวังการกลายพันธุ์อย่างใกล้ชิด.


ภาพจาก แฟ้มภาพ TNN Online


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง