รีเซต

พ่อหนุ่มคลั่ง ขอสู้คดีข้องใจลูกชายไม่มีอาวุธปืน แต่ตร.วิสามัญดับ

พ่อหนุ่มคลั่ง ขอสู้คดีข้องใจลูกชายไม่มีอาวุธปืน แต่ตร.วิสามัญดับ
มติชน
8 กันยายน 2565 ( 13:19 )
92
พ่อหนุ่มคลั่ง ขอสู้คดีข้องใจลูกชายไม่มีอาวุธปืน แต่ตร.วิสามัญดับ

เมื่อวันที่ 8 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.น้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ต้องใช้ปืนยิงวิสามัญ นายปัทวิน กะวันทา อายุ 33 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ชายคลุ้มคลั่ง ก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลน้ำยืน หลังจากขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อ นิสสัน อัลเมร่า สีขาว มาที่บริเวณหน้าเสาธง สภ.น้ำยืน จุดประทัดยักษ์โยนใส่ตำรวจ 4 นัด เสียงดังสนั่น สิบเวรได้วิ่งลงมาดูก่อนที่ผู้ก่อเหตุเปิดประตูรถยนต์ เอาไม้เบสบอลที่ทำด้วยเหล็ก และลงมาชี้ไปที่ตำรวจพร้อมตะโกนว่า หมอบลงและก็วิ่งไปทุบกระจกรถโล่ตำรวจที่จอดอยู่ได้รับความเสียหาย และรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ได้รับความเสียหายอีกหลายคัน

จากนั้นก็ได้ถือท่อนเหล็กไล่ตีตำรวจ ที่เข้ามาระงับเหตุ เจ้าหน้าที่จึงได้ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่แล้ว แต่ชายคนดังกล่าวก็ยังไม่ยอมหยุด ประกอบกับผู้ก่อเหตุถือไม้เบสบอลที่ทำด้วยเหล็ก อาละวาดอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่จึงได้ตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงถูกที่บริเวณหน้าท้อง 1 นัด ขา 1 นัด ผู้ก่อเหตุจึงสงบอาการคลั่งลงและถูกนำส่งโรงพยาบาลน้ำยืนและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันเป็นการป้องกันตัว ตรวจสอบประวัติพบเคยเข้าทำการักษาอาการทางประสาทที่โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ ก่อนเกิดเหตุเดินทางกลับมาจากทำงานที่จังหวัดระยอง คาดว่าอาการทางประสาทกำเริบ จึงมาก่อเหตุดังกล่าว เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา

ล่าสุดที่กลุ่มงานนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.น้ำยืนได้ส่งศพนายปัทวิน กะวันทา มาผ่าชันสูตรโดยมีญาติเดินทางมาติดตามและรอรับศพกลับ โดยนายมั่น กะวันทา พ่อนายปัทวิน กล่าวว่าอยากได้รับความเป็นธรรมให้กับลูกชาย  ยังไงจะต้องสู้คดี เนื่องจากตำรวจทำเกิดกว่าเหตุ ติดใจที่ว่าลูกชายไม่มีอาวุธปืนแต่อย่างใด มีแค่ไม้เบสบอลที่เป็นท่อนเหล็กที่ทุบทำลายรถยนต์ แต่ตำรวจได้ใช้ปืนยิงสกัดไว้ก่อน ยิงขา 2 นัด อีก 1 นัดถูกบริเวณหน้าท้อง รวม 3 นัด ไปดูลูกที่โรงพยาบาลก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว
“อยากให้ตำรวจมาดูแลรับผิดชอบด้วย คนเสียชีวิตทั้งคน รู้สึกเสียใจมาก ผมเองไม่รู้จะคิดยังไง ได้แต่เสียใจ อยากขอความเป็นธรรม ใครก็ได้ที่จะช่วยได้ ติดใจสาเหตุการตายของลูกชาย ไม่น่าจะเอาปืนยิงลูก เพราะว่าลูกไม่มีอาวุธสงคราม ไม่มีอาวุธปืน มีแค่ท่อนเหล็กเบสบอล ไม่น่าจะเอาปืนมายิงกันไปฆ่ากัน ก่อนเกิดเหตุลูกชายไม่ได้กินยา ยังปกติดีๆอยู่ เคยรักษาอาการทางประสาทอยู่ ทางโรงพยาบาลบอกว่าหายขาดแล้ว จนได้ไปทำงานที่จังหวัดระยอง”นายมั่นกล่าว


ด้านนางสาวอัญชลี กะวันทา น้องสาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่าพี่ชายทำงานอยู่ที่โรงงาน จ.ระยอง เป็นคนที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครชอบอยู่คนเดียว วันที่กลับมาบ้านไม่มีใครรู้ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ ที่ผ่านมาพี่ชายไม่เคยทำความเดือดร้อนให้พ่อแม่ ทั้งนี้อยากจะดูกล้องวงจรปิดของ สภ.น้ำยืน ตอนเกิดเหตุทำไมกล้องวงจรปิดถึงพังตอนนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง