SFT ฉลากฟิล์มพร้อมโต กลุ่มอาหารเครื่องดื่มดัน
ทันหุ้น –สู้โควิด –SFT หุ้นฉลากฟิล์มพร้อมผลงานในกระดาน mai วันนี้ในราคา IPO หุ้นละ 3.80 บาท โบรกมองฐานลูกค้าหลักในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเติบโตแข็งแกร่ง หนุนออเดอร์เพิ่มขึ้น ขณะที่โรงงานใหม่หนุนการเติบโตระยะยาว เคาะพื้นฐาน 5 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ต.ค.63) บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SFT เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 120 ล้านหุ้น ในราคา IPO ที่ 3.80 บาท โดยนายซุง ชง ทอย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ระบุว่าบริษัทหวังนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จำนวนกว่า 456 ล้านบาท ขยายขยายโรงงานแห่งที่ 2 คาดช่วยหนุนกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 185 ล้านเมตรต่อปี จากเดิมมีกำลังการผลิตที่ 135 ล้านเมตรต่อปี
*ปีนี้เติบโตเลข 2 หลัก
สำหรับปีนี้ บริษัทตั้งเป้าจะเติบโตเป็นเลข 2 หลัก แม้มีสถานการณ์ COVID-19 และปัจจัยความอ่อนไหวทางด้านการเมือง หลังภาพรวมการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.63) บริษัทมีรายได้รวม 330.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.05% จากช่วงเดียวกันงปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงาน 49.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.38% จากช่วงเดียวปีก่อน
ทั้งนี้จากข้อมูลของบริษัท ระบุว่า บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกeไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายและ ข้อบังคับของบริษัท ซึ่งในปี 2563 นี้บริษัทได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 จำนวนทั้งสิ้น 44.80 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล 0.14 บาทต่อหุ้น โดยจ่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2563
และเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 จำนวนทั้งสิ้น 35.20 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล 0.11 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายในวันที่ 4 กันยายน 2563อย่างไรก็ดี ผู้ถือหุ้นที่ซื้อหุ้น IPO จะไม่ได้รับเงินปันผลดังกล่าว
*กำลังผลิตใหม่หนุนโต
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS ระบุว่า SFT ผลิตและจำหน่ายฟิล์มหดรัดรูปซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี การแข่งขันไม่รุนแรง โดยมีลูกค้าหลักอยู่ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มซึ่งเติบโตแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่ม Functional Drink ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ทำให้ SFT ได้อานิสงส์เชิงบวกจากคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ที่เพิ่มขึ้น
ส่วนแผนการลงทุนโรงงานแห่งใหม่ซึ่งจะแล้วเสร็จต้นปี 2563 จะช่วยหนุนการเติบโตระยะยาวปลดล็อค Utilization Rate ที่คาดว่าใกล้เต็มในปี 2564 ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิปี 2563-2565 เติบโตเฉลี่ย 26.3% CAGR จากทั้งรายได้ที่โตแข็งแรงและ Margin ที่ปรับขึ้นและทรงตัวในระดับสูง พร้อมประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 5 บาท (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย)
นายคมกฤต มีคำสัตย์ กรรมการผู้จัดการ สายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น กล่าวว่า SFT เป็นบริษัทที่มีศักยภาพดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง จากการเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ การเลือกรูปทรงบรรจุภัณฑ์และการออกแบบฉลากผลิตภัณฑ์ รวมถึงให้คำปรึกษาด้านเทคนิคการหดตัวของฉลากฟิล์ม (ชริ้ง) เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ SFT ยังเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางธุรกิจ จากแผนลงทุนขยายกำลังการผลิตและเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ช่วยให้ประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุนด้านการผลิตที่ดี รวมถึงแนวทางดำเนินงานที่มีทีมบุคลากรทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาฉลากฟิล์มหดรัดรูปให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ของลูกค้า