“อธิบดีกรมอนามัย” หนุนเที่ยวไทย แย้มจ่อเปิดให้ต่างชาติเข้า “ภูเก็ต” ยันพื้นที่ปิด จัดการ “โควิด-19” ง่าย

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ รางน้ำ กทม. พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวในงานเสวนา “ปลุกไทยเที่ยวไทย ปลุกเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้า” งานสัมมนาฟื้นฟูประเทศไทยในมิติของการท่องเที่ยวภายหลังวิกฤตโควิด-19 ที่จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 โดย บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิดชีวิตวิถีใหม่(New Normal)
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า มาตรการที่ประเทศไทยดำเนินมาเป็นลำดับ ประเมินจากความเสี่ยง จากธรรมชาติของเชื้อไวรัส แม้จะเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่คุ้นเคย แต่เรียนรู้จากประสบการณ์ควบคุมโรคทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่น ในมาตรการเฟส 1-6 มีลำดับและขั้นตอน โดยการท่องเที่ยวและกีฬาไม่ได้เกิดขึ้นในเฟส 1 เนื่องจากยังมีบางจุดที่ต้องระมัดระวัง จึงต้องค่อยๆ ลำดับมาทีละเฟส เช่น การกีฬา ประเทศไทยค่อยๆ เริ่มต้น จากอนุญาตให้ออกกำลังกาย ต่อด้วยการที่นักกีฬาเข้าสู่การฝึกซ้อมได้ ต่อด้วยการแข่งขันแบบปิด และขณะนี้กำลังเตรียมการเพื่อเข้าสู่การเข้าแข่งขันที่มีผู้เข้าชมได้โดยที่มั่นใจว่าจะทำ 2 สิ่งนี้ได้ตลอดเวลา ได้แก่ 1.สามารถเฝ้าระวังการติดเชื้อในประเทศได้ 2.หากมีการติดเชื้อ ประเทศไทยจะสามารถควบคุมและจำกัดวงของการติดเชื้อให้ได้
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า สถานการณ์ในประเทศไทยค่อนข้างดี หากดูจากผู้ติดเชื้อ ระยะแรกคือการติดเชื้อในกลุ่มเสี่ยงคือ ผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้เดินทางเข้ามาจากนอกประเทศ ต่อมาคือผู้สัมผัสใกล้ชิด เช่น ผู้ที่อยู่ในครอบครัวเดียวกันกับกลุ่มผู้ติดเชื้อในระยะต้น ตอนนี้ผู้ติดเชื้อของเราคือ ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ แต่เรายังคงเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องเดินหน้า การใช้ชีวิตวิถีใหม่(New Normal) แต่ไม่สามารถให้ทุกคนหยุดอยู่กับที่ตลอดเวลาได้ เมื่อเดินหน้ามาถึงจุดนี้ ก็ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
“ในวันนี้ดีใจอย่างมาก เพราะเป็นเป้าหมายร่วมกันของคนไทยทั้งประเทศ ขอบคุณทางมติชน ที่อยากพูดด้วยความมั่นใจว่า เราเดินหน้ามาอย่างเป็นลำดับ เราไม่ได้อยู่ๆ มาถึงแล้วมีเฟส 6 ทันที เป็นตัวอย่างค่อนข้างชัดเจน ที่เราดำเนินการมาจากการดูสถานการณ์จากทั่วโลก ที่มีการติดเชื้อมากกว่า 18 ล้านราย และเสียชีวิตกว่า 5 แสนราย ประเทศไทยยังรักษาระดับของการมีผู้ติดเชื้อในประเทศสะสม 3 พันกว่าราย เสียชีวิต 58 ราย โดยมี 20 กว่าราย เป็นผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยง” พญ.พรรณพิมล กล่าว
พญ.พรรณพิมล กล่าวต่อไปว่า ประเทศมีการทำงานอย่างมีลำดับขั้นตอน ความร่วมมือทั้งหมดได้ดำเนินการมาก่อน และต่อด้วยหลัก SHA (Amazing Thailand Safety & Health Administration) โดย 10 กิจการที่เข้ามาอยู่ในกลุ่ม SHA คือกิจการที่ได้รับอนุญาตเปิดมาตั้งแต่เฟส 1 ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมของสถานที่ ซึ่งไปเกี่ยวของกับเตรียมพร้อมด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในประเทศ
“มาตรฐานส้วม ประเทศไทยเราไม่อายใคร เรื่องคลีนฟู้ด กู้ดเทสต์ ประเทศไทยเราชนะ เรามั่นใจในมาตรฐานของสาธารณสุข อาหารริมบาทวิถีเป็นเสน่ห์ที่เรารักษาไว้ได้ และจะมีการเดินหน้าต่อ เรื่องการการจัดการเชิงพื้นที่ เราต้องเริ่มเข้าใจว่า เมื่อเข้ามาตรการเฟส5-6 เราต้องดูเป็นพื้นที่ อย่าเอาทุกอย่างมองเป็นประเทศไทยทั้งหมด จะดำเนินการแบบนั้นไม่ได้แล้ว พื้นที่คือ 1 จังหวัดกับบริเวณโดยรอบ นี้คือสิ่งที่เราต้องจัดการ ควบคุมโรคโดยเร็ว ไม่ใช่ควบคุมทั้งประเทศ ถ้าเรายังเดินหน้าอย่างนี้ต่อ เราจะไปต่อไม่ได้” พญ.พรรณพิมล กล่าว
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า วันนี้เราจะเดินหน้าต่อ ด้วย Care Clean Clear เราต้องร่วมมือกัน มาตรการส่วนบุคคล ทั้ง การสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่าง ในเฟสที่ 1-3 ประชาชนให้ความร่วมมือประมาณร้อยละ 90 เมื่อเฟส 4 มีการผ่อนคลายตัว ทำให้ตกลงมาอยู่ที่ร้อยละ 80 แต่ขณะนี้กลับไปที่ร้อยละ 96 เนื่องจากทุกคนมีความเข้าใจว่าเรามีความร่วมมือและร่วมกันทำอะไรมากก่อน ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือดีมาก โดยทุกมาตรการที่กรมอนามัยประกาศ มีการลงพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์ โดยขณะนี้ได้ทำงานร่วมกับ SME Bank ดูแลผู้ประกอบการรายย่อย ในการปรับ 5 มาตรการหลักที่ ศบค. ประกาศ ที่พอเหมาะให้พื้นที่มีความปลอดภัย แต่อยู่ในต้นทุนที่เหมาะสม ซึ่งเป็นนวัตกรรมการลงทุน
“Care Clean Clear จะเป็นงานที่ต้องเดินหน้าต่อ โดยเลือกพื้นที่เป้าหมาย ตอนนี้เรื่องยากของเรา คือ ลดความแออัด เว้นระยะห่าง แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้ 1.สวมหน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้า ซึ่งช่วยป้องกันโรคได้มาก 2.การทำความสะอาด 3.การคัดกรองร่างกาย และ 4.ระบบควบคุมการเข้าออก ขอให้ผู้ใช้บริการมีความเชื่อมั่นว่าทุกครั้งที่ท่านดูแลตนเอง ท่านก็ได้ดูแลคนที่อยู่ข้างหลัง และดูแลพวกเราร่วมกัน การดูแลเรื่องความสะอาดพื้นที่ การจัดการ สุขาภิบาล ซึ่งเป็นพื้นฐานองค์ประกอบทั้งคนและพื้นที่ ประเทศไทยมีความพร้อมและเราได้เตรียมการมาโดยตลอด เราลำดับจาก เริ่มเปิดให้เดินทาง การเปิดให้เข้าสู่พื้นที่พักผ่อน หากมองเป็นการท่องเที่ยว นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ช่วยชุบชีวิต สร้างความชื่นอก ชื่นใจ เราอยากเห็นประเทศไทยที่เราควบคุมโรคได้ดี อยากให้ผู้คนของเรามีความสุข เรากำลังก้าวสู่ความยั่งยืนด้านการท่องเที่ยว เรากำลังเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว หากเราทำเส้นทางการท่องเที่ยวไปพร้อมกับมาตรการสุขอนามัยส่วนบุคคล และพื้นที่ให้ความสำคัญ เราไม่แค่สู้กับโควิด-19 แต่เราช่วยให้คนไทยทุกคนกลับมาอยู่ในฐานชีวิตวิถีใหม่ที่มีความสุขอีกครั้ง” พญ.พรรณพิมล กล่าว
ทั้งนี้ ระหว่างการเสวนา ผู้ดำเนินรายการถามถึงการจัดพื้นที่ จ.ภูเก็ต ให้เป็นโมเดล “ภูเก็ต เด็ดทั้งเมือง” ในการนำร่องมาตรการนำชาวต่างชาติเข้าในพื้นที่ มีความเป็นไปได้อย่างไร พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีการคุยกัน ว่า จ.ภูเก็ต เป็นพื้นที่จัดการง่ายมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ปิด และมีความมั่นใจ โดยได้มีการเตรียมการในพื้นที่แล้ว ยืนยันว่า เป็นส่วนเสริมของมาตรการ Health and Tourism
ต่อข้อคำถามว่า มาตรฐาน SHA มีมาตรฐานในระดับใด และมีความเพียงพอในการใช้ในชีวิตวิถีใหม่หรือไม่
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ในมาตรฐาน SHA ปัจจุบันนี้ นักท่องเที่ยวมองในความปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะด้านสุขภาพ ดังนั้น Safety and Health ต้องมาคู่กัน โดยกรมอนามัยได้จัดการ Clean Together ที่เป็นความสะอาดพื้นฐานในระดับบุคคล สถานที่ และพื้นที่ ซึ่งประเทศไทยมีโอกาสมาก มีความก้าวหน้าในเรื่องนี้อย่างมาก โดยความร่วมมือทั้งหมดเป็นจุดแข็งสำหรับประเทศไทย
“เรื่องที่เราภูมิใจร่วมกัน คือ การกลับมาเป็นประเทศฟื้นตัวที่รับมือได้ดีที่สุดในโลก เรื่องสตรีทฟู้ดของเรา เป็นเสน่ห์จริงๆ ไม่ใช่การสาธารณสุขอย่างเดียว พื้นที่นอกโรงพยาบาลของประเทศไทย เช่น ร้านอาหารสตรีทฟู้ด ผู้ประกอบอาหารก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา สวมถุงมือ สวมอุปกรณ์ป้องกันใบหน้า เฟซชิลด์ และเรากำลังจะเฟซชิลด์สำหรับผู้ประกอบอาหารแบบที่หลายประเทศทำ เพราะต้องมีการชิม เพื่อให้มีการใช้ได้มาตรฐาน เป็นสิ่งที่เราจะประกาศว่า ในชีวิตวิถีใหม่ เรายังรักษาเสน่ห์ของประเทศไว้ได้ด้วย Safety และ Health ต้องช่วยกัน เราลงไปดูผู้ประกอบการให้ประเมินตนเอง ด้วยการใช้แพลตฟอร์ม thai stop covid-19 ที่สามารถประเมินตนเองได้ หากมีเรื่องที่ปรับปรุง และทำได้ก็สามารถดำเนินการได้ทันที แต่หากติดขัดอะไร เราก็ลงไปช่วยสนับสนุนและเป็นที่ปรึกษาให้ได้” พญ.พรรณพิมล กล่าว
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ทั้งหมดนี้คือความร่วมมือกัน โดยท่านรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ยกขันหมากไปหา กระทรวงสาธารณสุขก็ได้ตอบรับมา 3 กรม คือ กรมควบคุมโรค กรมอนามัย และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ในการจัดทำคู่มือและแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน โดยใช้วิธีการจัดกลุ่มกิจการ เช่น กลุ่ม SHA มี 10 ประเภท กลุ่มของการกีฬามี 7 ประเภท การออกแบบใช้มาตรฐานหลัก 5 ด้าน และนำมาตรฐานหลักมาแจกแจงให้สอดคล้องกับรูปแบบการจัดการ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยด้านสาธารณสุข
“ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องโควิด-19 เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของสุขภาพพื้นฐานของประชาชน ทุกคนเป็นคนส่งข้อมูลไปมาสู่พวกเราว่า ประเทศไทยที่แข็งแรง มาจากความพร้อมของบุคคลในการดูแลตัวเอง และดูแลสถานที่ในส่วนรับผิดชอบ ความร่วมมือนี้คงจะเดินหน้าต่อไป และอยากจะมั่นใจว่าเราจะรักษาอันดับ 1 ของประเทศที่ฟื้นจากการจัดการกับโควิด-19 ได้ เชิญชวนให้สื่อมวลส่งข้อมูล ส่งภาพ ส่งกำลังใจ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจการระบาดของโรค การรับมือ และการจัดการที่ถูกต้องอย่างพอเหมาะ เราจะได้เดินหน้าไปด้วยกัน ในด้านการท่องเที่ยว เราใช้ชีวิตวิถีใหม่ เตรียมตัวก่อนทุกครั้ง ทำการจองเพื่อให้ราคาที่ดี และวางแผนการท่องเที่ยว ด้วย 1 หน้ากากและ 2 มือที่สะอาด ใช้ชีวิตได้ ไปเที่ยวได้อย่างสนุกและปลอดภัยแน่นอน” พญ.พรรณพิมล กล่าว
การจัดงานดำเนินไปตามข้อกำหนดในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ สธ.กำหนดอย่างเคร่งครัด โดยภายในงานสัมมนามีการตั้งจุดคัดกรองอุณหภูมิร่างกายของผู้เข้าร่วมงาน บริการจุดล้างมือเลยแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่างของเก้าอี้และผู้ร่วมงานทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกันโรคขณะเข้าร่วมงาน พร้อมทั้งถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก “Matichon Online – มติชนออนไลน์” เพื่อเผยแพร่เนื้อหาในเวทีเสวนาออกไปสู่ประชาชนอย่างเต็มที่