ไทยเซฟไทย ใช้งานต่างจาก หมอชนะ และไทยชนะ หรือเปล่า?
หลังจากเกิดวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ขึ้น ทางภาครัฐได้จัดทำแอปพลิเคชันหลายตัวเพื่อรองรับสถานการณ์แต่ละรูปแบบ ที่จะสามารถช่วยสอบสวนโรคได้ในกรณีที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยล่าสุดกรมอนามัย ได้จัดทำ แอปพลิเคชัน ไทยเซฟไทย ขึ้นอีก สำหรับให้ประชาชนประเมินความเสี่ยง คัดกรองตัวเอง แล้วมันแตกต่างจาก หมอชนะ และไทยชนะอย่างไรล่ะ
วันนี้ True ID จะพาทุกคนมารู้จักรูปแบบการใช้งานของแอปพลิเคชัน ไทยชนะ หมอชนะ และน้องใหม่ล่าสุดอย่าง ไทยเซฟไทย ว่ามีวัตถุประสงค์การใช้งานแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
แอปพลิเคชัน "ไทยชนะ"
“ไทยชนะ” เป็นแพลตฟอร์มผ่านทางเว็บไซต์ www.ไทยชนะ.com และแอพพลิเคชันสมาร์ทโฟน จัดทำขึ้นมาเพื่อใช้ติดตามตัวประชาชนที่จะเข้าใช้บริการในห้างสรรพสินค้า โดยจัดเก็บข้อมูลผ่านการเช็คอินและเช็คเอาท์ด้วยคิวอาร์โค้ด
ภายในแพลตฟอร์มไทยชนะจะประกอบไปด้วยฟีเจอร์การใช้งานต่าง ๆ ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนง่าย ๆ
1. ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่าง ๆ ต้องลงทะเบียนที่ www.ไทยชนะ.com เพื่อให้มีชื่อร้านอยู่ในระบบออนไลน์ของแพลตฟอร์มนี้ จากนั้นจะได้รับคิวอาร์โค้ดของร้าน มาติดตั้งไว้ที่บริเวณหน้าร้านของตัวเอง
2. สำหรับประชาชนที่จะเข้าไปใช้บริการในห้างสรรพสินค้าหรือร้านบริการต่าง ๆ ก็ให้ทำการสแกนคิวอาร์โค้ดที่ติดไว้ก่อนเข้าใช้บริการ โดยใช้เพียงโทรศัพท์สมาร์ทโฟนสำหรับการสแกนคิวอาร์โค้ดเท่านั้น
3. ระหว่างที่ประชาชนจะเข้าไปใช้บริการในห้างร้าน แพลตฟอร์มดังกล่าวจะมีฟังก์ชันให้สามารถจองออนไลน์เพื่อใช้บริการได้ด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนแออัดดระหว่างใช้บริการ ซึ่งจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
แอปพลิเคชัน "หมอชนะ"
รูปแบบการใช้งาน "หมอชนะ" แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ให้ผู้ใช้รายงานความเสี่ยงของตัวเอง และแจ้งเตือนผู้ใช้หากเข้าใกล้พื้นที่เสี่ยง ที่มีผู้ติด COVID-19
ในการใช้งาน ให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปฯ "หมอชนะ" บนสมาร์ทโฟน และตอบคำถามประเมินอาการของตัวเอง โดยแอพจะแบ่งระดับของความเสี่ยงเป็น 4 ระดับคือ
• สีเขียว สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงต่ำมาก ซึ่งเป็นคนที่ไม่มีอาการ ไม่มีประวัติไปต่างประเทศ หรือใกล้ชิดผู้มีความเสี่ยงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา
• สีเหลือง สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงน้อย ซึ่งอาจจะมีอาการไข้หวัด แต่ไม่มีประวัติไปต่างประเทศ หรือใกล้ชิดผู้มีความเสี่ยงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา
• สีส้ม สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยง เพราะเป็นคนที่มีประวัติไปต่างประเทศ หรือใกล้ชิดผู้มีความเสี่ยงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา แต่ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการไม่เด่นชัด คนในกลุ่มนี้ต้องกักตัวอยู่กับบ้านจนครบ 14 วัน พร้อมทั้งเฝ้าระวัง ถ้ามีอาการควรรีบไปโรงพยาบาลทันที
• สีแดง สำหรับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะทั้งมีอาการ และมีประวัติไปต่างประเทศ หรือใกล้ชิดผู้มีความเสี่ยงในช่วง 14 วันที่ผ่านมา จะต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที
เมื่อตอบคำถามครบถ้วนแอปฯ จะรายงานพิกัดของผู้ใช้งานเข้าไปในระบบ แต่ผู้ใช้จะไม่สามารถดูได้ว่าผู้ใช้คนอื่นอยู่ตรงไหนบ้าง ทำได้แค่เพียงอนุญาตให้แอพแจ้งเตือนผ่าน notification หากเราเข้าไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ซึ่งจะเช็คข้อมูลด้วย GPS และ Bluetooth ของตัวโทรศัพท์มือถือ
ทางผู้พัฒนาแอปฯ ระบุว่า การประเมินความเสี่ยงผ่าน "หมอชนะ" ช่วยให้บุคลากรด้านการแพทย์สามารถเช็คข้อมูลของผู้ที่มาขอรับบริการทางการแพทย์ ว่ามีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด เพื่อจัดลำดับความเร่งด่วนของการรักษา-ส่งตรวจได้แม่นยำมากขึ้น แก้ปัญหาเรื่องการปกปิดอาการ COVID-19 ลงไปได้
“หมอชนะ” มีความแตกต่างจากแอปฯ “ไทยชนะ” อย่างไร
1.หมอชนะ สามารถบอกได้ว่าเราเดินทางไปจุดใดบ้าง เมื่อเกิดโรคระบาดหรือมีผู้ติดเชื้อขึ้นมาจะตรวจสอบได้ว่าผู้ติดเชื้อคนนั้นไปสัมผัสกับใคร ไปพบใครบ้างและจะมีข้อความไปเตือนให้มารายงานตัว ทำให้ทราบไทม์ไลน์ได้แม่นยำมากขึ้นระดับนาที จากเดิมที่แพทย์ใช้การสัมภาษณ์ผู้ป่วย แม้จะไม่ปิดบังข้อมูลแต่อาจจำไม่ได้ ก็จะเกิดปัญหา
2.หากมีการปกปิดข้อมูลก็จะใช้เวลาสอบไทม์ไลน์นานมาก ดังนั้นหากมีแอปฯ ที่ระบุข้อมูลได้แม่นยำ ระบบก็จะประมวลผลเองว่ามีการสัมผัสกับใครในช่วงไหน ทำให้ระบบควบคุมโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และชีวิตประจำวันของเราก็จะไม่ถูกรบกวน
แอปพลิเคชัน “ไทยเซฟไทย”
เป็นแอปฯ ใหม่ล่าสุดจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดทำขึ้นเพื่อให้ประชาชนประเมินความเสี่ยง คัดกรองตัวเอง ซึ่งหากประเมินเสร็จแล้ว แอปฯ จะบอกชัดเจนว่าอยู่ในกลุ่มไหน ถ้าอยู่ในกลุ่มสีแดง หรือเสี่ยงมาก ก็ไม่ควรออกไปพบปะผู้อื่น และอาจจะต้องไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไม่เช่นนั้น อาจจะเผลอแพร่ต่อไปยังผู้อื่นได้
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะโหลดแอปฯ “ไทยเซฟไทย” เพื่อประเมินความเสี่ยงแล้ว ยังสามารถเข้าไปทำแบบทดสอบประเมินความเสี่ยงได้ที่ เว็บไซต์ "ไทยเซฟไทย" ได้อีกหนึ่งช่องทาง ซึ่งข้อมูลจะเหมือนกัน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ
- คัดกรองก่อนเข้าทำงาน สำหรับพนักงาน : ประเมินความเสี่ยงการแพร่เชื้อให้กับเพื่อนในที่ทำงาน
- คัดกรองก่อนเข้าบ้าน สำหรับบุคคลทั่วไป : ประเมินความเสี่ยงการแพร่เชื้อให้กับคนที่รักในบ้าน
สรุปการใช้งานของทั้ง 3 แอปพลิเคชัน
ไทยชนะ
ผู้พัฒนา : ธนาคารกรุงไทย
การใช้งาน : ใช้ติดตามตัวประชาชนที่จะเข้าใช้บริการในห้างสรรพสินค้า โดยจัดเก็บข้อมูลผ่านการเช็คอินและเช็คเอาท์ด้วยคิวอาร์โค้ด
หมอชนะ
ผู้พัฒนา : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
การใช้งาน : จัดเก็บข้อมูลการเดินทางของประชาชน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบและประเมินระดับความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 จากสถานที่ต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง
ไทยเซฟไทย
ผู้พัฒนา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
การใช้งาน : ให้ประชาชนประเมินความเสี่ยง คัดกรองตัวเอง
ข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุข, กรมอนามัย , กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง