9 จังหวัดภาคเหนือ - อีสาน จมฝุ่นพิษ PM 2.5 ‘เชียงใหม่’ อันดับ 1 โลกมลพิษสูง
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ได้ติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 แบบรายชั่วโมง ด้วยข้อมูลจากดาวเทียมผ่านแอปพลิเคชั่น ‘เช็คฝุ่น’ เช้าวันนี้พบ 9 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีแดง ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและระบบทางเดินหายใจ
โดยข้อมูลเมื่อเวลา 08.00 น. ทั่วประเทศฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน 34 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สีแดงระดับวิกฤต 9 จังหวัด สีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 25 จังหวัด
9 จังหวัดสีแดง พบว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ค่าฝุ่นมากสุด 211.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร รองลงมาจังหวัดเชียงใหม่ 132.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามมาด้วย นครพนม, ลำพูน, เชียงราย, ตาก, พะเยา, ลำปาง และ จังหวัดน่าน ทั้งนี้ในพื้นที่ภาคเหนือ ยังมีแนวโน้มค่าฝุ่นเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครเช้าวันนี้คุณภาพอากาศดีต่อเนื่องถึงวันที่ 4 เมษยน
จากสถานการณ์ฝุ่นPM2.5 ที่เกินค่ามาตรฐานในหลายจังหวัดภาคเหนือโดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ที่ค่าฝุ่นยังสูงกว่า 132 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้วันนี้ จังหวัดเชียงใหม่ กลับขึ้นไปติดอันดับ 1 ของโลกเมืองคุณภาพอากาศแย่ โดยเป็นข้อมูลจาก เว็บไซต์ iqair.com รายงานข้อมูลเมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่ อยู่อันดับ 1 เมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุด ตรวจวัดได้ 170 AQI มากกว่า เมืองธากา บังกลาเทศ และ จาการ์ตา อินโดนีเซีย และมากกว่าอินเดีย
โดยสาเหตุสำคัญของการเกิดฝุ่นละอองโดยในพื้นที่ภาคเหนือ คือ จุดความร้อนจากไฟป่า มีข้อมูลจาก GISTDA พบว่า สัดส่วนจุดความร้อนในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2563-2566 จุดความร้อนมากที่สุดเกิดขึ้นในพื้นที่ป่าไม้ โดยปี 2563 พบจำนวน 126,853 จุด ปี 2564 พบ 58,268 จุด ปี 2565 ลดลงเหลือ 19,443 จุด แต่ปี 2566 พบจุดความร้อนเพิ่มขึ้น 112,150 จุด
ภาพจาก: AFP