สหรัฐฯ เสนอเครื่องบินขึ้นลงทางดิ่งแบบใหม่ บินได้ไกลเกือบครึ่งโลก !

เครื่องบินพิสัยไกลที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้นเป็นประโยชน์สำหรับการเดินทางข้ามทวีป เช่น เครื่องบินแอร์บัส เอ 380 (Airbus A380) ที่มีพิสัยการบินสูงสุด 14,800 กิโลเมตร แต่ก็แลกกับการใช้เชื้อเพลิงจำนวนมาก อีกทั้งยังต้องใช้พื้นที่ขึ้นบินและลงจอด สตาร์ตอัปจากสหรัฐอเมริกาจึงได้พัฒนาอากาศยานขึ้นลงทางดิ่งแบบไฮบริด (Hybrid Electric Vertical Take-Off and Landing: Hybrid eVTOL) ระหว่างพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันที่บินได้ไกลกว่าแอร์บัส เอ 380 

อากาศยานดังกล่าวมีชื่อว่า เรนเจอร์ (Ranger) พัฒนาโดยบริษัทออร่า เอโรสเปซ (Aura Aerospace) ในสหรัฐอเมริกา เป็นอากาศยานโครงสร้างใบพัดยกตัวแบบ 8 ใบพัด (Octacopter System) แบบซ้อนคู่กัน 4 ตำแหน่ง เส้นผ่านศูนย์กลาง 178 เซนติเมตร พร้อมปีกเครื่องที่สามารถพับได้ ความยาวปีกตลอดเครื่องสูงสุดหลังกางออกอยู่ที่ 23 เมตร พร้อมเครื่องยนต์เจ็ทแบบคู่ที่ทำหน้าที่ผลักดันตัวเครื่องไปข้างหน้า โดยสามารถนั่งโดยสารได้ทั้งหมด 5 คน รวมกับคนขับ

เรนเจอร์ (Ranger) มีความเร็วทำการบิน (Cruising Speed) สูงสุดอยู่ที่ 0.66 มัค หรือราว ๆ 820 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เซึ่งช้ากว่าเครื่องบินทั่ว ๆ ไปอยู่บ้างเล็กน้อย โดยใบพัดยกตัว (Propeller) จะถูกเก็บในโครงสร้างเมื่อไต่ระดับเพดานการบินที่ 10,000 ฟุต หรือ 3,050 เมตร ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงเครื่องบินแบบ SAF (Sustainable Aviation Fuel) ทำพิสัยการบินอยู่ที่ 18,000 กิโลเมตร เกือบครึ่งหนึ่งของเส้นรอบวงของโลก (40,075 กิโลเมตร)

ในขณะที่ภายในห้องโดยสารนั้นมีห้องครัวขนาดเล็กจิ๋วรวมถึงห้องน้ำเพื่ออำนวยความสะดวกระหว่างการเดินทาง เนื่องจากเป็นอากาศยานที่มีพิสัยการบินไกล แต่สิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ในตอนนี้ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เนื่องจากเรนเจอร์ (Ranger) ยังไม่ได้เข้าสู่การผลิตอย่างเป็นทางการในตอนนี้ แต่จากคุณสมบัติทั้งหมด แม้ว่าเรนเจอร์ (Ranger) จะนำเทคโนโลยีขึ้นลงทางดิ่ง (VTOL) มาใช้งาน แต่การใช้งานกลับใกล้เคียงเครื่องบินเจ็ทสำหรับทางไกลมากกว่า และยังไม่มีประกาศว่าจะเริ่มการผลิตเมื่อไหร่ในตอนนี้

ที่มาข้อมูล New Atlas

ที่มารูปภาพ Aura Aerospace