เมืองใหญ่ในสหรัฐฯกำลังจม พบแผ่นดินยุบตัวใน 28 เมือง!

นักวิจัยจากวารสาร Nature Cities เผยผลการศึกษาล่าสุดที่พบว่า เมืองใหญ่หลายแห่งในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับปัญหาการยุบตัวของแผ่นดิน (subsidence) ซึ่งกำลังคุกคามสิ่งปลูกสร้าง ถนน และทางรถไฟ โดยปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอในทุกพื้นที่ของแต่ละเมือง
คณะนักวิจัยได้จัดทำแผนผังเพื่อติดตามการเคลื่อนตัวในแนวดิ่งของพื้นดินใน 28 เมืองที่มีประชากรมากที่สุดของสหรัฐฯ พบว่า เมืองเหล่านี้มีลักษณะการยุบตัวคล้ายเตียงนอนเป่าลมที่ค่อยๆ ยุบตัวตรงกลาง โดยพื้นที่ประมาณสองในสามของ 25 เมืองกำลังประสบกับการยุบตัวของพื้นดิน และประชากรราว 34 ล้านคน หรือประมาณ 10% ของประชากรทั้งหมดของสหรัฐฯ อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
เมืองที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนที่สุด ได้แก่ ชิคาโก ดัลลัส โคลัมบัส โอไฮโอ ดีทรอยต์ นิวยอร์ก อินเดียแนโพลิส ชาร์ลอตต์ เดนเวอร์ ฮิวสตัน และฟอร์ตเวิร์ท โดยเมืองเหล่านี้มีพื้นที่ยุบตัวคิดเป็น 98% ของพื้นที่ทั้งหมด
ที่น่าสนใจคือ ปรากฏการณ์แผ่นดินยุบตัวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในเมืองชายฝั่งที่เสี่ยงต่อการถูกน้ำทะเลท่วมสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในเมืองตอนในของสหรัฐฯ ซึ่งการยุบตัวของแผ่นดินในพื้นที่เหล่านี้อาจทำให้โครงสร้างพื้นฐานขาดความมั่นคง และเพิ่มความเสี่ยงของน้ำท่วมในช่วงฤดูพายุ
นักวิจัยเตือนว่าหากไม่มีการดำเนินมาตรการป้องกันที่เหมาะสม ปัญหานี้อาจทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และเศรษฐกิจของเมืองที่ได้รับผลกระทบในระยะยาว
อัตราการยุบตัวของแผ่นดินในเมืองใหญ่
- ฮิวสตัน: เป็นเมืองที่มีอัตราการยุบตัวเร็วที่สุดในสหรัฐฯ โดยกว่า 40% ของพื้นที่เมืองยุบตัวมากกว่า 5 มิลลิเมตรต่อปี และบางพื้นที่ยุบตัวถึง 5 เซนติเมตรต่อปี
- ซานฟรานซิสโก: พื้นที่ที่ถมที่ เช่น Treasure Island และบริเวณสนามบิน มีอัตราการยุบตัวสูงถึง 5 มิลลิเมตรต่อปี
- ซานอันโตนิโอ: แม้อัตราการยุบตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 1 มิลลิเมตรต่อปี แต่มีอาคารประมาณ 1 ใน 45 หลังที่เผชิญความเสี่ยงสูงหรือสูงมากจากการยุบตัวของแผ่นดิน
สาเหตุหลักของการยุบตัวของแผ่นดินในเมืองใหญ่เหล่านี้มาจากการสูบน้ำใต้ดิน ซึ่งคิดเป็นประมาณ 80% ของกรณีที่พบ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น การขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ การก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ และการพัฒนาเมืองที่ไม่ยั่งยืน รวมถึงปัจจัยธรรมชาติอย่างการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกและการละลายของน้ำแข็งในยุคน้ำแข็ง