รีเซต

BEMดับเบิลเดกหนุน สีส้มเพิ่มค่า1.80บาท

BEMดับเบิลเดกหนุน สีส้มเพิ่มค่า1.80บาท
ทันหุ้น
28 กุมภาพันธ์ 2565 ( 00:27 )
144
BEMดับเบิลเดกหนุน สีส้มเพิ่มค่า1.80บาท

#BEM #ทันหุ้น – นักวิเคราะห์สแกนพื้นฐาน BEMแกร่งทั้งธุรกิจทางด่วน-รถไฟฟ้า คาดกำไรสุทธิปี 2565 โต 228.78% แตะ 3.1 พันล้านบาท จับตาควบคุมต้นทุนธุรกิจรถไฟฟ้าหนุนมาร์จิ้นพุ่ง ชูสายสีส้มตะวันตกเพิ่มมูลค่า 1.30-1.80 บาทต่อหุ้น ขณะที่ม่วงใต้สร้างรายได้ประจำเฉลี่ย 2 พันล้านบาท และดับเบิลเดก การันตีความมั่นคงทางธุรกิจ

 

นายนฤดม  มุจจลินทร์กูล  ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM งวดไตรมาส 4/2564 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 396 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 266.67% QoQ ถือว่าดีกว่าประมาณการที่ทำไว้ที่ 335 ล้านบาท หลักๆ มาจากการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้ดีมาก ส่งผลให้กำไรขั้นต้นฟื้นตัวดีขึ้น ประกอบกับปริมาณผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้า และปริมาณการจราจรบนทางด่วนก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิด-19

 

ขณะที่คาดว่ารายได้ทั้งปี 2565 ของ BEMจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งแม้ว่าไตรมาส 1/2565 มีแนวโน้มจะอ่อนตัวเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เพราะผลกระทบจากความกังวลโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน แต่ตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไปจะฟื้นตัวต่อเนื่องชัดเจน อีกปัจจัยหนึ่งที่น่าจับตาคือการที่ BEMสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทั้ง 2 ส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากยังคงควบคุมได้ต่อเนื่องมาทั้งปี 2565 จะหนุนกำไรขั้นต้นได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะปี 2564 ที่ผ่านมามีปัจจัยกดดันรายได้-กำไรยังถือว่าดีกว่าที่ประมาณการ

 

*สายสีส้มสร้างมูลค่าเพิ่ม

 

สำหรับปี 2565 แม้ช่วงเดือนมกราคมจะได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน แต่ปริมาณผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้าจะอ่อนตัวลง QoQแต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoYและยังคงคาดการณ์ว่าปริมาณผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้า รวมถึงปริมาณการจราจรในระบบทางด่วนจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง และเริ่มสะท้อนปัจจัยหนุนที่แท้จริง ได้แก่ 1.ปริมาณผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นจากโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับโครงข่ายสายสีม่วงได้ และ 2.ต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลงจากการที่ได้ต่อสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ออกไป 15 ปี 8 เดือน สิ้นสุดปี 2578

 

เบื้องต้นคาดการณ์รายได้รวมทั้งปี 2565 ที่ 14,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.26% YoY และกำไรสุทธิที่ 3,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 228.78% YoY และคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 9.90 บาท ทั้งนี้ยังไม่รวมปัจจัยที่จะสร้างมูลค่าเพิ่ม อาทิ การได้รับเลือกให้เป็นผู้รับผิดชอบงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ จัดหาขบวนรถและการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งประเมินว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับราคาหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานได้อีกประมาณ 1.30-1.80 บาทต่อหุ้น

 

ขณะเดียวกัน การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยายช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) เบื้องต้นมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2570 จะเป็นปัจจัยหนุนรายได้ค่ารับจ้างเดินรถให้กับ BEM ในระยะกลาง-ยาว

 

*ดับเบิลเดกเสริมแกร่ง

 

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมามีมติเห็นชอบรายงานผลการศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรบนโครงข่ายทางพิเศษ ในภาพรวมทั้งระบบ ตามที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ศึกษาแนวทางและจัดลำดับความสำคัญและกรอบระยะเวลาดำเนินการ อาทิ โครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 งามวงศ์วาน-พระราม 9, โครงการทางเชื่อมทางพิเศษฉลองรัช ด่านพระราม 9-2 กับทางพิเศษศรีรัช และโครงการทางเชื่อมทางลงสถานีกลางบางซื่อกับทางขึ้นทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ฯลฯ และได้เสนอต่อกระทรวงคมนาคมไว้แล้ว เพื่อนำเข้าบรรจุในวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี ตามขั้นตอนนั้น ถือเป็นปัจจัยที่จะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนว่า BEM ยังคงมีแนวโน้มที่จะได้รับอนุมัติให้ต่อสัญญาสัมปทานทางด่วนได้อีกอย่างน้อย 30 ปี (นับจากปี 2578)

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง