Super Stocks ปลดล็อกพอร์ตลงทุน ข้ามวัฏจักรเศรษฐกิจ

ในโลกการลงทุนที่ตลาดหุ้นผันผวนรุนแรงจนกลายเป็น “New Normal” นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเริ่มยกธงขาวยอมแพ้และยอมรับว่า การพยายามจับจังหวะตลาดหรือคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจ อาจไม่ใช่คำตอบที่ยั่งยืนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม มีกลยุทธ์การลงทุนหนึ่งที่เรียบง่าย แต่ทรงพลัง ซึ่งได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมในระยะยาว โดยไม่ต้องจับจังหวะตลาดหรือปรับพอร์ตตามวัฏจักรเศรษฐกิจ คือ การลงทุนในหุ้นที่เรียกว่า “Super Stocks”
Super Stocks คือบริษัทที่มีคุณสมบัติพิเศษ 3 ประการ ได้แก่ 1. บริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมที่เป็น Megatrends ซึ่งเป็นกระแสการเปลี่ยนแปลงระดับโลก ส่งผลให้บริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเหล่านี้มีศักยภาพในการเติบโตสูง การขยายตัวของอุตสาหกรรม Megatrends มักจะสูงกว่าการเติบโตของ GDP โลกหลายเท่าตัว เช่น กลุ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI) กลุ่มเทคโนโลยีด้านสุขภาพ กลุ่ม E-commerce และกลุ่มเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของตลาดอยู่ที่ราว 10-30% ในช่วง 10 ปีข้างหน้า สูงกว่าการเติบโตของ GDP โลกที่คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบ 2-3% ต่อปีอย่างมีนัยสำคัญ
2. บริษัทเป็นผู้นำตลาดและมีความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืนเหนือคู่แข่ง แม้บริษัทจะอยู่ใน Megatrends ที่ถูกต้อง แต่ไม่ใช่ทุกบริษัทจะประสบความสำเร็จ ปัจจัยที่แยก “ผู้ชนะ” ออกจาก “ผู้แพ้” ก็คือสิ่งที่ Warren Buffett เรียกว่า “ความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืน (Durable Competitive Advantage)” ของกิจการ ยกตัวอย่างเช่น
3. มีกำไรเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เนื่องจากบริษัทมีความสามารถในการขยายธุรกิจและขายสินค้าไปได้หลายภูมิภาคหรือทั่วโลก ทำให้บริษัทมี Runway ในการเติบโตที่ยาว โดยกำไรของบริษัทที่เป็น Super Stocks ควรมีแนวโน้มการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 20-25% ในระยะยาว ซึ่งตำนานผู้จัดการกองทุนระดับโลกอย่าง Peter Lynch เรียกหุ้นที่มีคุณสมบัติแบบนี้ว่า “Fast Growers”
ข้อดีของการลงทุนในหุ้น Super Stocks คือ “การทำผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยม โดยไม่ต้องจับจังหวะตลาดหรือปรับพอร์ตตามวัฏจักรเศรษฐกิจ” เพียงแค่ “จับให้ถูกเทรนด์ และ เลือกผู้ชนะให้ถูกตัว” นอกจากนี้ ยังสามารถกระจายพอร์ตการลงทุนไปทั่วโลกได้ ทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป เอเชีย หรือละตินอเมริกา เพราะ Super Stocks เกิดขึ้นได้ในทุกประเทศ แม้ประเทศที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เงินเฟ้อสูงลิ่วอย่างอาร์เจนติน่า ก็ยังมีหุ้นที่ราคาขึ้น 10 เท่าได้ในไม่กี่ปี หากหุ้นตัวนั้นมีคุณสมบัติของ Super Stocks ครบทั้ง 3 ข้อ
ในช่วงที่ 10 ปีที่ผ่านมา มีวิกฤตตลาดหุ้นเกิดขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็น Trade war 1.0 ปี 2018-2019 หรือ COVID-19 ปี 2020 รวมถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ปี 2022 แต่หุ้น Super Stocks ก็ยังสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยราว 20-30% ต่อปี เอาชนะดัชนีตลาดหุ้นโลก (MSCI ACWI) ที่ให้ผลตอบแทนราว 10% โดยเฉลี่ยต่อปีไปอย่างขาดลอย แม้กลยุทธ์นี้จะฟังดูเรียบง่าย แต่หัวใจของความสำเร็จคือ “วินัย” และ “ความเชื่อมั่นในหลักการ” นักลงทุนต้องศึกษาและเข้าใจ Megatrends คัดเลือกหุ้นหรือกองทุนที่ลงทุนในบริษัทผู้นำและอดทนต่อความผันผวนของตลาดที่เกิดขึ้นในระยะสั้น ที่สำคัญคือ ถือครองหุ้นในระยะเวลาที่ยาวพอ เพื่อให้เงินของเราได้มีเวลาทำงานอย่างเต็มที่ด้วยอัตราผลตอบแทนทบต้นที่สูง
ทุกวันนี้นักลงทุนสามารถเข้าถึง Super Stocks ได้ง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องคัดเลือกลงทุนหุ้นด้วยตัวเองเพราะสามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ออกแบบมาเพื่อลงทุนในธีม Megatrends ทั่วโลกโดยเฉพาะ แต่สำหรับนักลงทุนที่มีความชำนาญในการเลือกหุ้นต่างประเทศและรับความเสี่ยงที่สูงขึ้นได้ สามารถลงทุนผ่าน DR (Depositary Receipt) หุ้นชั้นนำระดับโลกผ่านตลาดหลักทรัพย์ของไทยได้โดยตรง
เรื่องราวของ Super Stocks ไม่ใช่เรื่องของ “โชคดี” หรือ “กระแสความนิยม” แต่มาจากการมองถูกเทรนด์และเลือกผู้ชนะได้อย่างแม่นยำ ใน 10 ปีที่ผ่านมา มีหุ้น Super Stocks เกิดขึ้นจำนวนมากทั่วทุกมุมโลกและในอีก 10 ปีข้างหน้า ก็จะมีหุ้นเหล่านี้จะเกิดขึ้นอีก หน้าที่ของนักลงทุนที่มองการณ์ไกลและพร้อมอดทนคือ หา Super Stocks ตัวต่อไปให้เจอ เพราะการลงทุนใน Super Stocks อาจเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดในการสร้างพอร์ตการลงทุนให้เติบโตก้าวกระโดดในระยะยาว