ไมโครเวฟ ตัวช่วยอุ่นร้อนอาหาร ปลอดภัยทั้งผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม
โลกยุคดิจิทัล ทำให้มนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทั่วทุกมุมโลกโดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ง่ายขึ้น สามารถทำงานที่บ้านและที่อื่นๆ ได้ตามความสะดวก ลดความเร่งรีบในชีวิตประจำวันที่ต้องแข่งขันกับเวลาลง คุณภาพชีวิตดีขึ้นจากการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากขึ้นแทนอาหารจานด่วน หรือ อาหารฟาสต์ฟู้ด และหนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ รวมถึงรูปแบบการปรุงอาหารที่ทันสมัยมากขึ้น คือ เตาไมโครเวฟ ที่ช่วยให้การรับประทานได้อาหารอย่างปลอดภัยและถูกสุขอนามัย
แม้ไมโครเวฟไม่ใช่ของใหม่ แต่เราท่านจำเป็นต้องรู้จักวิธีการทำงานและวิธีการใช้งานอย่างถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยทั้งของผู้บริโภคและอาหาร โดย รศ.ดร.สุรเชษฐ์ หลิมกำเนิด ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความรู้เรื่องการทำงานของไมโครเวฟ ว่า ไมโครเวฟเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงมากถึง 2,450 ล้านรอบต่อวินาที (แต่ไม่ใช่รังสีในแบบของกัมมันตภาพรังสี) มีลักษณะคล้ายกับคลื่นวิทยุแต่มีความถี่สั้นกว่า นอกจากใช้ในการให้ความร้อนกับอาหารแล้วยังใช้เป็นสัญญาณไวไฟสำหรับส่งอินเตอร์เน็ตอีกด้วย ซึ่งคลื่นไมโครเวฟไม่เป็นอันตรายและไม่กระจายหรือสะสมในร่างกายมนุษย์ โดยมีแม็กนิตรอนที่เป็นตัวเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นไมโครเวฟ
ทั้งนี้ คลื่นไมโครเวฟจะพุ่งเข้าสู่อาหารจากทุกทิศทุกทางจากด้านในเตาแล้วแผ่กระจายไปสู่อาหาร เมื่อคลื่นไปกระทบอาหาร ทําให้โมเลกุลของอาหารเกิดการสั่นและเสียดสีกัน เกิดเป็นความร้อนทําให้อาหารสุกอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับการที่เราถูมือและแขนเพื่อให้เกิดความอบอุ่น ความร้อนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ จะช่วยรักษาคุณค่าของอาหารไว้อย่างครบถ้วน นอกจากความสะดวกและรวดเร็วกว่าวิธีการดั้งเดิมในการให้ความร้อนด้วยเตาแก๊สหรือเตาทั่วไปผ่านกระบวนการหุง ต้ม อบ นึ่ง ปิ้ง ย่าง ทอด ไมโครเวฟยังช่วยประหยัด เพิ่มความปลอดภัย และไร้เขม่าควัน
ผู้บริโภค จำเป็นต้องรู้และเข้าใจวิธีการใช้เตาไมโครเวฟอย่างถูกต้องและปลอดภัย 3 ประการ คือ 1. คลื่นไมโครเวฟไม่สามารถทะลุผ่านภาชนะที่เป็นโลหะหรือมีส่วนผสมของโลหะได้ คลื่นจะสะท้อนกลับ (Reflection) ผิวเคลือบโลหะของภาชนะอาจเกิดความร้อนสูง เกิดเป็นประกายไฟหรือเปลวไฟ ทำอันตรายกับเตาไมโครเวฟได้ 2. คลื่นไมโครเวฟสามารถทะลุผ่าน (Transmission) ภาชนะที่ทำจากแก้ว กระดาษ ไม้ เซรามิกและพลาสติกได้ จึงเป็นภาชนะที่ใช้ได้ดีในเตาไมโครเวฟ และ 3. อาหารทั่ว ๆ ไป ประกอบด้วยโมเลกุลของน้ำ ซึ่งจะดูดซึมคลื่นไมโครเวฟ ทําให้อาหารร้อนอย่างรวดเร็ว แต่ตัวคลื่นจะหายไปทันทีหลังจากให้ความร้อนโดยไม่สะสมในอาหารแต่อย่างใด
สำหรับภาชนะที่ใช้กับไมโครเวฟได้ดี คือ ภาชนะกระเบื้อง เช่น จาน ชาม ถ้วย หรือภาชนะก้นลึกที่ใช่รับประทานอาหาร ภาชนะแก้วทนไฟ ภาชนะแก้วที่ใช้สําหรับเตาธรรมดา ภาชนะแก้วที่ทนความร้อน เช่น ไพเร็กซ์ คอร์นนิ่งแวร์ เครื่องเคลือบเซรามิกและเครื่องปั้นดินเผา ภาชนะกระดาษ ใช้สําหรับอาหารที่ต้องการให้ความร้อนไม่มาก เช่น การอุ่นอาหารหรืออาหารที่ใช้เวลาทำให้สุกสั้นมากและสําหรับอาหารที่ไม่มีมันมาก ภาชนะพลาสติก เช่น ถุงพลาสติกทนร้อน และภาชนะพลาสติกที่ออกแบบมาโดยเฉพาะกับการใช้งานและต้องระบุด้วยว่าใช้กับเตาไมโครเวฟได้ (Microwavable)
ส่วนภาชนะที่ควรหลีกเลี่ยง คือ ภาชนะโลหะ ภาชนะเคลือบโลหะหรือมีขอบเป็นโลหะ เงิน ทอง อะลูมิเนียมฟอยด์ และภาชนะประเภทไม้
“นอกจากความสะดวกสบายแล้ว ไมโครเวฟยังปรุงอาหารได้หลายรูปแบบ และช่วยคงคุณค่าของอาหารไว้ครบถ้วน เพราะการประกอบอาหารด้วยเตาอบไมโครเวฟ ใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ทําให้รักษาคุณค่าของอาหารทั้งรสและสีสันสวยน่ารับประทานไว้ได้ ทั้งยังประหยัดเวลาและพลังงานด้วย” รศ.ดร.สุรเชษฐ์ กล่าว
การใช้เตาไมโครเวฟ มีข้อควรระวังดังนี้
• อย่าใช้เตาไมโครเวฟในขณะที่ประตูเปิดอยู่ จะทําให้คลื่นไมโครเวฟพุ่งออกมาด้านนอกเป็นอันตรายได้ อย่างไรก็ดี ตามปกติแล้วเตาไมโครเวฟจะมีกลไกที่จะไม่ทำงานหากประตูตู้เปิดอยู่
• อย่าใช้เตาอบไมโครเวฟที่ชํารุดเสียหาย มีการผุกร่อนของผนังเตา ประตูปิดไม่สนิทบานพับและสลักนิรภัยแตกหัก และกระจกของประตูแตก
• ห้ามเปิดเครื่องใช้งานโดยไม่มีอาหารหรือนํ้าอยู่ในเตา เพราะอาจทำความเสียหายกับตู้เองเนื่องจากพลังงานที่ส่งออกมาไม่ได้นำไปใช้ในการอุ่นอาหาร
• ต้องเปิดฝาภาชนะประเภทขวดที่มีอาหารบรรจุอยู่ ก่อนนำเข้าไมโครเวฟ เพื่อป้องกันไม่ให้ความดันที่เพิ่มขึ้นจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นดันให้ภาชนะแตก ดังนั้นจึงไม่ควรนําไข่ทั้งฟองเข้าเตาอบ เพราะจะทําให้ไข่แตกกระจายได้
• ห้ามทอดอาหาร หรือคั่วข้าวโพดในเตาอบไมโครเวฟ เพราะความร้อนที่สูงเมื่อเจอกับน้ำมัน อาจจะทำให้อาหารลุกไหม้ได้
• ห้ามใช้ เตาไมโครเวฟอุ่นสารเคมี อบผ้าหรือกระดาษที่เปียกให้แห้ง เพราะจะทําให้เกิดการลุกไหม้และทำให้เตาอบชํารุด
• ไม่ควรซ่อมหรือปรับเตาไมโครเวฟด้วยตัวเอง ควรเรียกช่างผู้ชำนาญการมาตรวจสอบเท่านั้น
เตาไมโครเวฟ นับเป็นเครื่องไฟฟ้าอีกหนึ่งชนิดที่อำนวยความสะดวกในยุคดิจิทัล ช่วยให้ชีวิตประจำวันไม่ต้องใช้เวลานานกับการปรุงอาหาร อย่างถูกต้อง แต่ก็จำเป็นต้องเรียนรู้ถึงข้อดีและข้อเสียของไมโครเวฟและใช้ประโยชน์อย่างถูกและเข้าใจ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้และการรักษาคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไว้ให้ครบถ้วน รศ.ดร.สุรเชษฐ์ กล่าวย้ำ