BAFSน้ำมันอากาศยานฟื้น ปี65ทุ่มงบลงทุนตามแผน

ทันหุ้น - BAFS ยืดอกรับปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานปี 2564หดตัว 25%เหลือที่ 1,772ล้านลิตร ตามผลกระทบโควิด-19 และการล็อกดาวน์ พร้อมคาดปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานปี 2565 แตะ 3,994 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 125%พร้อมศึกษาพัฒนารถเติมน้ำมันพลังงานไฟฟ้า-ต่อท่อส่งน้ำมันไปเมียนมา อัดฉีดงบ 14,000 ล้านบาท รองรับการลงทุน 5 ปี

ม.ล.ณัฐสิทธิ์  ดิศกุล กรรมการผู้อํานวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564มองว่าปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คลายตัวลง ภาครัฐปลดล็อกดาวน์และเปิดประเทศกระตุ้นให้มีการท่องเที่ยว โดยคาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานในช่วง 2 เดือนสุดท้าย (พ.ย.-ธ.ค.64) จะฟื้นตัวดีขึ้น

ยอดเติมฟื้น

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานภายในสิ้นปี 2564 อาจปรับตัวลดลงกว่า 25% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หรืออยู่ที่ประมาณ 1,772ล้านลิตร และมองว่าหากในปี 2565 ไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบต่อเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยว ปริมาณการเติบน้ำมันอากาศยานจะกลับมาเติบโตไม่น้อยกว่า 125% จากปีก่อน หรือแตะระดับ 3,994 ล้านลิตร หรือเทียบการเติบโตช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ที่ราว 65% ขณะที่น้ำมันภาคพื้นดินคาดว่าในปี 2565 มีอัตราการเติบโตที่ 11% จากปีนี้ที่คาดว่าทำได้ 4,200 ล้านลิตร

โดยในปี 2565 บริษัทยังคงเดินหน้าการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด หรือ FPT และบริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ตามแผนลงทุนระยะยาว 5 ปี ที่วางนโยบายว่าจะต้องมีความมั่นคงจากโครงสร้างรายได้ ภายใน 5 ปีจากนี้ รายได้หลักจากอุตสาหกรรมการบินคิดเป็นประมาณ 50% และจากภาคธุรกิจสาธารณูปโภค-พลังงาน รวมถึงกลุ่มบริการด้านธุรกิจอีก 50% ทั้งนี้แผนการลงทุน 5 ปีจะใช้งบประมาณ 14,000 ล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจพลังงานทดแทนของบริษัทนั้น ปัจจุบันยังคงมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการที่บริษัทได้ซื้อโรงไฟฟ้าไปในช่วงก่อนหน้านี้จำนวน 7 แห่ง โดยมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 36.3 เมกะวัตต์ ณ สิ้นเดือนกันยายนมีปริมาณการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ อย่างไรก็ดี บริษัทมองว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ดี ที่จะเข้ามาช่วยสร้างเสถียรภาพการเติบโตของรายได้ให้กับบริษัทได้ในอนาคต

ขณะเดียวกันบริษัทมีความสนใจและอยู่ระหว่างการศึกษาการขยายท่อขนส่งน้ำมันไปประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะประเทศเมียนมาเพิ่มเติม โดยปัจจุบันลูกค้าสนใจจะนำน้ำมันที่คลังพิจิตรใช้เป็นช่องทางการส่งออก ซึ่งบริษัทศึกษาการต่อท่อไปบริเวณชายแดนแม่สอด อย่างไรก็ดีโดยเฉลี่ยปริมาณปริมาณการขนส่งน้ำมันทางบกช่องทางดังกล่าวอยู่ที่กว่า 250-300ล้านลิตรต่อปี

รุกรถ EV ขนส่งน้ำมัน

นอกจากนี้ เมื่อไม่นานมานี้บริษัทได้เซ็นสัญญากับผู้ที่มีเทคโนโลยีด้านเติมน้ำมันอากาศยานในยุโรป เพื่อร่วมกันพัฒนาและผลิตรถพลังงานไฟฟ้า (EV) สำหรับการขนส่งน้ำมัน โดยมีสัญญาให้กับบริษัท บาฟส์ อินเทค จำกัด ที่ BAFS ถือหุ้นอยู่ 100%เป็นผู้ผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องให้เหมาะสมกับตลาดในไทยและอาเซียน เพื่อให้บริษัทเป็นฐานการส่งออกผลิตภัณฑ์ ซึ่งมองว่าท่าอากาศยานในตลาดเอเชียยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก อย่างไรก็ดี เงินลงทุนโครงการนี้อาจขึ้นอยู่กับคำสั่งซื้อ (Back Order) ในอนาคตประกอบด้วย