รีเซต

“ระนองโมเดล ปลอดโควิด-19” 65 วันแห่งชัยชนะไวรัส

“ระนองโมเดล ปลอดโควิด-19” 65 วันแห่งชัยชนะไวรัส
77ข่าวเด็ด
2 เมษายน 2563 ( 05:57 )
183

“ระนองโมเดล ปลอดโควิด-19” 65 วันแห่งชัยชนะไวรัส

ระนอง-จากผลงานการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของเมืองเล็กๆในประเทศไทย ที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง อย่าง จ.ระนอง พื้นที่ไกลปืนเที่ยง ที่ขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาลที่มีเป็นจำนวนน้อย แต่ด้วยมาตรการความร่วมมือร่วมใจของชาวระนองกว่า 1.8 แสนคน สามารถที่จะยันรับมือรักษาพื้นที่จ.ระนองให้เป็นสีขาวปลอดจากโรคระบาดร้ายโควิด-19 ได้ยาวนานอย่างน้อยเมื่อถึงวันที่ 31 มี.ค. 2563 ที่ผ่านมาก็ถือว่าสามารถรักษาพื้นที่ได้ยาวนานถึง 65 วัน

ทำให้กลายเป็น “ระนองโมเดล ปลอดCovid-19” ที่หลายประเทศสนใจและเตรียมเก็บข้อมูลศึกษา เนื่องจากนานาประเทศ มลรัฐต่างๆในยุโรป อเมริกาที่มีความพร้อมมากกว่า จ.ระนอง แบบแสนเท่า หมื่นเท่าตัว ยังไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคในครั้งนี้ได้ดีมากเท่า จ.ระนอง  โรคระบาดที่แพร่ขยายอย่างรวดเร็ว ผู้คนในเมืองเหล่านั้นเจ็บป่วย ล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่พื้นที่สีขาวเล็กๆของ จ.ระนองยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้ แม้รอบข้างจะถูกไวรัสโอบล้อมจ่อข้ามแดนแล้วก็ตามที

สำหรับระนองโมเดลที่สำคัญที่จังหวัดที่ถูกยกเป็นต้นแบบของการต่อสู่กับไวรัสร้าย และสามารถชนะมาได้ยาวนานมีหลายแผนงาน แต่ที่สำคัญคือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว และความร่วมมือร่วมในของคนในพื้นที่  นายจตุพจน์    ปิยัมปุตระ  ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 ทางจังหวัดระนองได้ออกคำสั่งจังหวัดระนองที่ 694/2563  เรื่องมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ทั้งนี้เพื่อให้การปฏิบัติในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุม และเตรียมรับสถานการณ์การแพร่ระบาดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (Covid-19) มีความเหมาะสม เกิดประสิทธิภาพ อันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนชาว จ.ระนอง และทางราชการ อาศัยตามความในในข้อกำหนดออกตามความในมาตรา9 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่1) ประกอบมาตรา35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  17 มี.ค. 2563ราชการจังหวัดระนอง โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดระนองในคราวประชุมครั้งที่ 7/2563  จึงมีคำสั่งกำหนดมาตรการเฝ้าระวัง  ป้อง กัน ควบคุม และเตรียมรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ กรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่นๆ ดังนี้

ผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดระนอง ที่เดินทางออกจากจังหวัดระนองไปยังพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นๆ  แล้วเดินทางกลับจังหวัดระนอง จะต้องกักตัวเองเพื่อสังเกตอาการ ณ ที่พักอาศัย เป็นเวลา 14 วันนับตั้งแต่เดินทางมาถึง จ.ระนอง และให้เจ้าบ้านแจ้งต่อพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ทราบทันทีหากฝ่าฝืนอาจมีความผิดต้องรับโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้เว้นแต่บุคคลดังกล่าวมีความจำเป็นเพื่อการพบแพทย์  การรักษาพยาบาล การปฏิบัติหน้าที่แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข  หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกู้ชีพ กู้ภัย การปฏิบัติงานหรือการทำธุรกรรมเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์สถาบันการเงิน ตู้เอทีเอ็ม  การจดทะเบียนสิทธิ การทำนิติกรรมสัญญา การสื่อสารมวลชน  โทรคมนาคมและไปรษณีย์ การให้บริการขนส่งสินค้าเพื่อการอุปโภค บริโภค การจัดหาและซื้อขายอาหาร ยาและเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา การติดต่อด้านคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานอัยการหรือศาล การเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามกำหนด  ประกาศ

หรือคำสั่งต่างๆของทางราชการ การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการของรัฐ  โดยต้องได้รับอนุญาตจากนายอำเภอท้องที่ที่ตนมีภูมิลำเนาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอท้องที่ที่ตนมีภูมิลำเนา ภายใต้เงื่อนไขว่าเมื่อบุคคลดังกล่าวกลับมายัง จ.ระนองต้องไปรายงานตัวต่อนายอำเภอท้องที่ที่ตนมีภูมิลำเนา ภายใต้เงื่อนไขว่า เมื่อบุคคลดังกล่าวเดินทางกลับมายัง จ.ระนอง ต้องไปรายงานตัวต่อนายอำเภอท้องที่ที่ตนมีภูมิลำเนาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอนั้นทันที  และต้องอยู่ภายใต้การควบคุมกำกับของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ตามมาตรการที่กำหนด

บุคคลที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นๆ เข้าในในจังหวัดระนองต้องมีใบรับรองแพทย์ตามที่แพทย์สภากำหนด โดยมีข้อความยืนยันว่าไม่เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  ซึ่งมีอายุไม่เกิน 3 วัน หากไม่มีใบรับรองแพทย์จะต้องดำเนินการตามมาตรการคัดกรอง  กักกัน หรือกักตัว เพื่อเฝ้าติดตาม สังเกตอาการ เป็นระยะเวลา 14 วัน นับตั้งแต่วันเดินทางถึง จ.ระนอง ทั้งนี้เว้นแต่บุคคลที่มีความจำเป็นดังกล่าวเช่นการพบแพทย์  การปฏิบัติหน้าที่แพทย์ พยาบาล  บุคคลกรทางการแพทย์ การสาธารณสุข หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกูชีพ กู้ภัย การปฏิบัติงานเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ สถาบันการเงิน ตู้เอทีเอ็ม การจดทะเบียนสิทธิ การทำนิติกรรมสัญญา  การสื่อสารมวลชน การโทรคมนาคมและไปรษณีย์ การให้บริการขนส่งสินค้าเพื่ออุปโภค บริโภค การจัดหาและซื้อขายอาหาร  ยาและเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา การติดต่อคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานอัยการ ศาล การเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่างๆของทางราชการ  การปฏิบัติการเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการพื้นฐานของรัฐ โดยต้องได้รับอนุญาตจากนายอำเภอท้องที่นั้น และต้องอยู่ภายใต้การควบคุมกำกับของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ตามาตรการที่กำหนด

ส่วนอีกโมเดลที่สำคัญ คือการ คุมเข้มระดับหมู่บ้านายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมรองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ปลัดจังหวัดระนอง ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ระนอง นายแพทย์สาธารณสุขระนอง ลงพื้นที่ ม.3 ท่าฉาง ต.หงาว อ.เมือง จ.ระนอง เพื่อเปิดปฏิบัติการซีทีสแกน หลังได้รับแจ้งว่ามีผู้กลับมาจาก กทม ตจว หลายราย พบว่าบางรายยังไม่รายงานตัว และไม่กักตัว  โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่จากตำรวจ ปกครอง อส ท้องถิ่น อสม ลงพื้นที่ตรวจติดตาม และเดินเคาะประตูบ้านเพื่อตรวจสอบ พูดคุย ให้กำลังใจ บ้านที่มีผู้เดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่เสี่ยง พบว่าบางคนยังไม่มีการรายงานตัว ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลจากผู้ใหญ่บ้าน ที่ม.3 มีผู้เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง ประมาณ 100 คน

นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า “ จังหวัดได้ปรับยุทธศาสตร์ ซึ่งการรบกับสงครามเชื้อโรคครั้งนี้ จุดแตกหักอยู่ที่หมู่บ้าน วันนี้เป็นการลงพื้นที่เพื่อซีทีสแกนลงลึกทุกหลังในหมู่บ้าน เพื่อตรวจสอบคนที่เดินทางจาก ตจว เข้าพื้นที่ที่รายงานตัวแล้วว่าปฏิบัติตามที่สาธารณสุขกำหนดหรือไม่ในการกักตัวเอง 14 วัน และผู้ที่ยังไม่รายงานตัว สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ต้องมารายงานตัวภายในวันนี้ คือ 30 มี.ค. เวลา 16.00 น. ที่อำเภอ หรือ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน หากไม่เช่นนั้นแล้ว จะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ รวมถึงผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ต้องทำหน้าที่ให้เข้มแข็ง เต็มที่ไม่เช่นนั้นท่านก็จะมีความผิด หากพบว่ามีการปล่อยปละละเลย ขอให้ทุกคนทำงานจริงจังเพื่อดูแลระนอง จะมีมาตรการกระชับเข้ามาเรื่อยเพื่อดูแลปกป้องระนอง เราจะทำแบบนี้ทั้ง 178 หมู่บ้าน 20 ชุมชน พี่น้องต้องให้ความร่วมมือ ช่วยเป็นหูเป็นตาด้วย ผมขอให้ความมั่นใจ นาทีนี้ต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย การรบครั้งนี้แพ้ชนะอยู่ที่หมู่บ้านและชุมชน ทุกคนต้องให้ความร่วมมือ”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง