รีเซต

เมียทหาร สุดทน ผัวแต่งงานซ้อน ทิ้งลูก 2 ซ้ำคนใหม่โพสต์รูปเย้ย ร้องต้นสังกัดยังเงียบ

เมียทหาร สุดทน ผัวแต่งงานซ้อน ทิ้งลูก 2 ซ้ำคนใหม่โพสต์รูปเย้ย ร้องต้นสังกัดยังเงียบ
ข่าวสด
25 กุมภาพันธ์ 2564 ( 23:14 )
309

เมียทหาร สุดทน ผัวแต่งงานซ้อน ทิ้งลูก 2 ซ้ำคนใหม่โพสต์รูปเย้ย บุกระรานถึงบ้าน ร้องต้นสังกัด-ศูนย์ดำรงธรรม ผ่านไปเป็นปีเรื่องยังเงียบ

 

เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ภรรยาของ จ.ส.อ. รายหนึ่ง ตำแหน่งพลขับรถ สังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 6 หรือ ป.พัน.6 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี อุ้มลูก พร้อมถือทะเบียนสมรส ไลฟ์ระบายความคับแค้นใจ และขอความช่วยเหลือ หลังสามีแอบไปแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ทั้งที่อยู่กินมา 10 ปี จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย มีลูกชายด้วยกัน 2 คน เมื่อทนไม่ไหวจึงพาลูกกลับมาอยู่กับพ่อแม่ที่บ้านแม่ปุง ต.น้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง และขอร้องหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ

สอบถามน.ส.พิม (นามสมมติ) อายุ 40 ปี เปิดเผยว่า ตนจดทะเบียนสมรสอยู่กินสามี ตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา10 ปีแล้ว มีลูกชาย 2 คน อายุ 8 ขวบ และคนเล็กอายุ 6 เดือน กระทั่งปี 2563 มีเพื่อนในไลน์ กลุ่มแม่บ้านทหาร ส่งรูปพิธีแต่งงานของสามีกับภรรยาคนใหม่ที่ จ.อุบลราชธานี ในฐานะภรรยาน้อย พร้อมรูปพ่อแม่สามีและญาติแสดงความยินดี ซึ่งตนไม่ทราบเรื่องเลย

น.ส.พิม ร้องสามีทหารไปแต่งงานซ้อน

น.ส.พิม กล่าวต่อว่า ตนพยายามสอบถามสามีครั้งแรกไม่ยอมรับ เมื่อนำหลักฐานคือภาพถ่ายดังกล่าวมาให้ดู จึงยอมรับว่าแอบคบกัน ตนบอกให้เลิกยุ่งกับหญิงคนนั้น แต่หญิงคนดังกล่าวเข้ามาระรานตนตลอด พยายามโชว์รูปที่อยู่ร่วมกับสามีลงในเฟซบุ๊ก เพื่อให้เห็นว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน พร้อมกับส่งรูปคู่สามีมาให้ตนดูทางกล่องข้อความด้วย และยังเคยบุกมาบ้านพักในค่ายทหารยอมรับว่าสุดจะทน นอกจากนี้ ยังถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง แต่ก็ต้องทนเพื่อลูก

น.ส.พิม เผยภาพที่ถูกทำร้ายร่างกาย

น.ส.พิม กล่าวอีกว่า กระทั่งเมื่อวันที่ 1 ก.ย.2563 ที่ผ่านมาได้คลอดลูกคนที่ 2 ที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี แต่สามีไม่เคยมาดูแล และไม่ยอมเซ็นรับรองบุตรด้วย พ่อและแม่ต้องเดินทางจาก จ.ลำปาง มาดูแลแทน หลังจากออกจากโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 2-3 ต.ค.2563 จึงพากันกลับมาอยู่ที่ จ.ลำปาง แต่ไม่สามารถเบิกสิทธิการรักษาพยาบาลได้ ถึงแม้จะจดทะเบียนสมรสแล้ว ถ้เนื่องจากยังไม่มีการรับรองบุตร ทำให้ตนและลูกเดือดร้อนเป็นอย่างมากด้านแม่ของ น.ส.พิม เปิดเผยว่า หลังลูกสาวเข้าโรงพยาบาล เพื่อคลอดลูกคนที่ 2 หมอบอกว่ามีอาการครรภ์เป็นพิษ ต้องให้ญาติเซนต์รับรอง ถ้าผ่าตัดหรือคลอดลูกโอกาสเสียชีวิตทั้งแม่และลูก 50/50 ตนสงสารลูก จึงตัดสินใจเซ็นรับรอง โดยเตรียมโลงศพไว้ให้ลูกสาวแล้วหากเสียชีวิต แต่โชคดีที่รอด หลังออกจากโรงพยาบาล ก็พากันขนของกลับบ้านที่ จ.ลำปาง ในคืนวันนั้นเลย เพราะอยู่ไปก็ไม่มีใครดูแลค่าใช้จ่าย ค่านอนรักษาที่โรงพยาบาล เพราะเกินจากเงินประกันสังคม ต้องจ่ายเองรวมกว่า 2 หมื่นบาท โดยไม่ได้รับการช่วยเหลือจากสามีทหารของลูกสาวเลย ผิดหวังอย่างมาก ไม่คิดว่าเขาจะใจดำทำกับลูกและภรรยาตัวเองได้ขนาดนี้

สามีทหารหนีไปแต่งงานซ้อนกับหญิงอีกคน

ด้านบิดาของ น.ส.พิม กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คิดว่าเป็นคนดีเพราะมีหน้าที่การงานที่มีเกียรติ สามารถฝากชีวิตลูกดูแลได้แต่ตรงข้ามกับที่ทำ ครั้งแรกตนดูลักษณะแล้วก็ไม่ชอบเท่าไหร่ แต่ลูกสาวรักก็ตามใจ ตนบอกให้ระวังตัวด้วย ซึ่งก็จริงอย่างที่คิด ตอนแต่งงานใหม่ ตนยังให้เงินลูกสาวไป 5 แสนบาท เพื่อนำไปตั้งตัวประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัว ปรากฏว่าถูกผลาญจนหมดและยังมาแต่งงานซ้อนให้ลูกสาวตนช้ำใจอีก โดยไม่ส่งเสียเงินให้ลูกใช้ไปโรงเรียนอีกด้วยอ้างว่าเงินเดือนไม่เหลือ

บิดาของ น.ส.พิม กล่าวต่อว่า ตนจึงพาลูกสาวกลับมาอยู่บ้านกับพ่อแม่ ที่ จ.ลำปาง ส่วนหลานทั้ง 2 คนก็จะช่วยกันเลี้ยงเอง เพราะไม่รู้จะไปขอความช่วยเหลือจากใคร เพราะเคยไปร้องเรียนไปยังหน่วยงายยังได้รับการเยาะเย้ย และยื่นเรื่องกับผู้บังคับบัญชาหลายครั้งก็ไม่ได้รับการตอบสนอง รวมทั้งไปยื่นเรื่องต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา เรื่องเงียบจนถึงตอนนี้ ไม่รู้จะไปติดต่อใคร หลักฐานเอกสารต่างๆ ที่ยื่น ตนก็เก็บไว้หมด

บิดาของ น.ส.พิม

น.ส.พิมพ์ เปิดเผยอีกว่า กล่าวว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2564 สามีโทรมาบอกว่าโอนเงินจำนวน 1 หมื่นบาทมาให้ ได้รับหรือยัง ตนจึงสอบถามว่าโอนมาเพื่ออะไร ไหนบอกว่าเงินเดือนไม่มีเหลือ ไม่มีเงิน และถามว่าตนจะเอาอย่างไร ตนบอกว่า ตอนนี้เรื่องถึงทนายแล้ว เพื่อปรึกษาตัดสินใจฟ้องร้องตามสิทธิ์ภรรยาหลวง รวมทั้งค่าเลี้ยงดูลูก ค่าการศึกษาใช้จ่าย ที่ไม่เคยจ่ายให้มาเป็นปีแล้ว และทำเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานทหารให้มีการสอบสวนทางด้านวินัย เพราะการเจรจาอย่างไรก็คงไม่มีประโยชน์แล้ว ตนพร้อมขอหย่า จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง