เจ้าสาว เปิดใจรับผิด-ขอโทษครอบครัวเมียหลวง ทำไปเพราะความรักที่มีต่อกัน
จากรณี นางนิภาพรรณ หมู่แก้ว อายุ 33 ปี ถือทะเบียนสมรสเข้าไปบุกงานแต่งของบ่าวสาวคู่หนึ่ง โดยระบุว่าฝ่ายชาย คือ สามีของเธอที่จะทะเบียนสมรสและอยู่กันกันมา 16 ปี แต่แอบมาแต่งงานกับสาวอื่น จนเกิดภาพที่มีการโต้เถียงกับฝ่ายชาย ที่เธอระบุว่าเป็นสามีแต่ฝ่ายชายและเจ้าสาวกลับทำท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาว และไล่เธอออกจากงาน ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
โดย นางนิภาพรรณ เล่าว่า ชายแต่งชุดเครื่องแบบสีขาวที่เข้าพิธีสมรสกับเจ้าสาวในคลิป คือ สิบตำรวจเอกศรันญู หมู่แก้ว อายุ 34 ปี ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท ซึ่งเป็นสามีที่จดทะเบียนสมรส และอยู่กินกับเธอมา 16 ปี โดยเธอเองก็อาศัยอยู่ที่บ้านของพ่อแม่สามีด้วย และมีลูกสาวด้วยกัน 2 คน คนโตอายุ 15 ปี คนเล็กอายุ 5 ขวบ ก่อนหน้านี้ ตนเองรู้ระแคะระคายมาประมาณ 1 ปี ที่สามีเริ่มมีพฤติกรรมคบกับผู้หญิงคนนี้ แต่ยังทำตัวเหมือนปกติคือเช้าไปทำงานเลิกงานกลับบ้าน แต่มาวันนี้เพื่อนๆ ได้แอบบอกตนเองว่า ผู้หญิงรายในคลิปประกาศว่าจะแต่งงานวันนี้ ตนเองกับแม่สามีจึงลองเข้าไปดูที่บ้านผู้หญิงคนดังกล่าวตามคลิปซึ่งก็เจอภาพบาดใจเข้าจริงๆ จึงนำทะเบียนสมรสออกมาแสดง พร้อมทั้งไลฟ์เพื่อประกาศให้สังคมได้รู้ถึงสิ่งที่สามีทำกับตนและครอบครัว จนเกิดคลิปที่เป้นไวรัลอย่างรวดเร็วทั้งที่เธอโชว์ทะเบียนสมรสต่อหน้าบ่าวสาว ทั้งที่สามีไล่เธอออกจากงาน และล่าสุดแม่สามีสุดทนตบไปที่ศรีษะลูกชายที่กำลังนั่งเข้าพิธีไปฉาดใหญ่ เพราะโมโหที่เตือนสติแล้วไม่ฟัง
ซึ่งเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ นางนิภาพรรณ พร้อมนายอาสาเดินทางไปยังศาลคดีเด็กเยาวชนและครอบครัวจังหวัดชัยนาท เพื่อยื่นฟ้องดำเนินคดีกับเจ้าสาวตามคลิป เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง ส่วนตัวสามียังไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ เพราะยังให้โอกาสกลับมาดูแลครอบครัว เพราะสงสารลูกสาวทั้ง 2 คน
ด้าน พ.ต.อ.ปฏิกรณ์ หาญหัตถกิจ ผู้กำกับการ สภ.เมืองชัยนาท ต้นสังกัดตำรวจหนุ่มเปิดเผยว่าจากเรื่องที่เกิดขึ้น ถือว่ากระทบต่อภาพลักษณ์ของตำรวจ ทางต้นสังกัดจึงมีคำสั่งให้มีการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นขั้นตอนเริ่มต้นของการสอบสวนทางวินัยหากพบว่า มีมูลความผิดที่ขัดต่อวินับตำรวจ ซึ่งก็จะมีโทษในหลายระดับตามความรุนแรงของความผิดที่มีตั้งแต่โทษกักบริเวณ ไปจนถึงให้ออกจากราชการ แต่ก็ต้องรอผลการสืบสวนข้อเท็จจริงก่อนว่าจะออกมาอย่างไร จะนำไปสู่การเอาผิดทางวินัยระดับใดหรือไม่ต่อไป และช่วงนี้ตำรวจนายดังกล่าวอยู่ระหว่างลาพักผ่อน ที่ตามระเบียบลาได้สูงสุด 20 วัน
ล่าสุด ทีมข่าวสามารถติดต่อขอพูดคุยทางโทรศัพท์กับเจ้าสาวตามคลิปได้ ซึ่งสาวดังกล่าวเปิดเผยว่า รู้จักและชอบพอกับตำรวจหนุ่มมาระยะหนึ่ง ด้วยความรักที่มีให้กัน ตนเองจึงยอมทำในสิ่งที่รู้ตัวว่าผิดเรื่อยมา จนกระทั่งมาถึงการจัดพิธีแต่งงาน แต่เมื่อเรื่องเกิดขึ้นมาถึงขั้นนี้แล้ว ตนเองก็อยากขอโทษสังคม ขอโทษครอบครัวของทางเมียหลวง และขอโทษพ่อแม่และญาติของตนเอง โดยยืนยันว่า เรื่องนี้ตนเองกับตำรวจหนุ่ม ขอรับผิดไว้เอง ขออย่าไปโทษหรือมองครอบครัวหรือญาติๆ ของตนว่าไม่ดีหรือรู้เห็นเป็นใจ และตนเองก็ได้รับผลจากการกระทำของตนเองแล้ว ทั้งอาย ทั้งเครียด และต้องตกงาน เพราะทางร้านทองที่เป็นนายจ้าง ได้ประกาศให้ตนเองพ้นสภาพพนักงานอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งตนเองไม่โทษใคร ขอโทษตัวเอง แต่ก็ยืนยันว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะความรักที่มีต่อกัน ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ยังไม่คิดอะไร เพราะยังเครียดและวิตกกังวล กับเรื่องที่ต้องเผชิญ ในวันนี้จึงออกมาขอโทษอย่างจริงใจ