รีเซต

เปรียบเทียบ เบี้ยผู้สูงอายุ เกณฑ์เก่า-ใหม่ ที่คนสูงวัยต้องรู้!

เปรียบเทียบ เบี้ยผู้สูงอายุ เกณฑ์เก่า-ใหม่ ที่คนสูงวัยต้องรู้!
TeaC
15 สิงหาคม 2566 ( 17:06 )
177
เปรียบเทียบ เบี้ยผู้สูงอายุ เกณฑ์เก่า-ใหม่ ที่คนสูงวัยต้องรู้!

ข่าววันนี้ เปรียบเทียบ เบี้ยผู้สูงอายุ เกณฑ์เก่า-ใหม่ ที่คนสูงวัยต้องรู้! ประเด็นร้อนแรงที่สนั่นไปทุกแวดวง ทำสังคมโซเชียลตั้งคำถามมากมาย 

 

เปรียบเทียบ เบี้ยผู้สูงอายุ เกณฑ์เก่า-ใหม่ 

 

หลังจากก่อนหน้านี้ มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของกรมก่รปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ 2566 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 12 สิงหาคม 2566 วันแม่แห่งชาติ ที่ผ่านมา โดยได้มีการปรับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในฉบับเดิม 

 

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เกณฑ์เดิม ปี 2552

 

ซึ่งหากย้อนดู เงื่อนไขหลักเกณฑ์การ จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ นั้น เดิม จะต้องมีคุณสมบัติ

  • มีสัญชาติไทย
  • มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามทะเบียนบ้าน
  • มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ซึ่งได้ลงทะเบียนและยื่นคำร้องขอรับ เบี้ยยังชีพสูงอายุ  ต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
  • เป็นผู้ที่ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อย่างอื่นจากหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ ยกเว้นผู้พิการ และผู้ป่วยเอดส์

 

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เกณฑ์ใหม่ ปี 2566

 

สำหรับหลักเกณฑ์การ จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ใหม่ ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา จะต้องมีคุณสมบัติ

 

  • มีสัญชาติไทย
  • มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 
  • มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ซึ่งได้ลงทะเบียนและยื่นคำร้องขอรับ เบี้ยยังชีพสูงอายุ  ต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
  • เป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติตามกฎหมายด้วยผู้สูงอายุกำหนด

 

อ่านเพิ่มเติม >>> ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566

 

โดยเมื่อเปรียบเทียบหลักเกณฑ์ เดิม ปี 2552 และ หลักเกณฑ์ใหม่ ปี 2566 พบว่า เงื่อนไขในข้อที่ 1-3 มีรายละเอียดที่เหมือนกัน คือ ผู้ที่รับเงินเบี้ยงยังชีพผู้สูงอายุ จะต้องมีสัญชาติไทย, มีที่อยู่ตามทำเบียนบ้านในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และงทะเบียน ยื่นคำขอต่อองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น 

 

แต่เงื่อนไขที่แตกต่างไปจากเดิม คือ หลักเกณฑ์เดิม ปี 2566 ระบุว่า ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือ องค์กรปกครองส่วนทิ้ง ได้แก่ ผู้พิการ ผู้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน

 

โดยปี 2566 มีการปรับเป้นเกณฑ์ใหม่ ระบุว่า ต้องเป็นผู้มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด

 

จ่ายเงิน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ อย่างไร?

สำหรับการรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปัจจุบันนี้ มีการรับเงิน แบบขั้นบันไดตามช่วงอายุ ซึ่งภาครัฐจะโอนเงินให้ทุกวันที่ 10 ของทุกเดือน 

 

  • อายุ 60-69 ปี ได้รับเบี้ยยังชีพ  600 บาท/เดือน
  • อายุ 70-79 ปี ได้รับเบี้ยยังชีพ 700 บาท/เดือน
  • อายุ 80-89 ปี ได้รับเบี้ยยังชีพ 800 บาท/เดือน
  • อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับเบี้ยยังชีพ 1,000 บาท/เดือน

 

โดย เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โอนเงินเข้าล่าสุดแล้วเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา >>> เช็คเงินเยียวยากลุ่มเปราะบาง สิงหาคม 2566 "เงินอุดหนุนบุตร เบี้ยผู้สูงอายุ เบี้ยคนพิการ"

 

ภาพ : Image by Sabine van Erp from Pixabay

 

 

บทความเกี่ยวกับ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

 

กดเลย >> community แห่งความบันเทิง

ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง