รีเซต

ภาคเหนือ "ฝุ่นจิ๋ว" ยังสูง แม่ฮ่องสอนหนักสุด

ภาคเหนือ "ฝุ่นจิ๋ว" ยังสูง แม่ฮ่องสอนหนักสุด
มติชน
14 มีนาคม 2565 ( 10:57 )
51
ภาคเหนือ "ฝุ่นจิ๋ว" ยังสูง แม่ฮ่องสอนหนักสุด

วันที่ 14 มีนาคม 2565 พล.ต.ประสิษฐิพงศ์ มูลดี รองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า จาการตรวจสอบสภาพอากาศในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ห้วงวันที่ 7 – 13 มีนาคม 2565 พบว่า ภาคเหนือมีค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 26 – 69 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ค่า PM 10 ระหว่าง 38 – 79 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ ค่า AQI อยู่ระหว่าง 34 – 142 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์ โดยมีค่าเฉลี่ยมากสุดที่ ต.จองคำ อ.เมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่งผลให้ค่าคุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบกับประชาชน

 

สำหรับจุดความร้อนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จากดาวเทียมระบบ VIIRS ห้วงดังกล่าวเกิดจุดความร้อนสะสมจำนวน 1,224 จุด โดยเฉพาะในจังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดพิจิตร ส่วนใหญ่เกิดจุดความร้อนในพื้นที่ป่าสงวน จำนวน 426 จุด, พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 410 จุด ,พื้นที่เกษตร 249 จุด และพื้นที่เขต สปก. 86 จุด

 

อย่างไรก็ตามตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา กอ.รมน.จังหวัด 17 จังหวัด ได้ลงพื้นที่ลาดตระเวนร่วมกับหน่วยงานเพื่อป้องปรามการเผาป่า ทำแนวกันไฟและร่วมดับไฟ จำนวน 476 ครั้ง ส่วนชุดปฏิบัติการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ลงพื้นที่รณรงค์สร้างจิตสำนึกลดการเผาในชุมชน พร้อมร่วมสร้างฝายในพื้นที่ป่าเพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้ป่าต้นน้ำ จำนวน 29 ครั้ง

 

ทั้งนี้ภาพรวมค่าคุณภาพอากาศ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 13 มีนาคม 2565 เกิดจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 16,707 จุด เมื่อเทียบปี 64 (50,692) ลดลง 33,985 จุด คิดเป็น 67.04 %

 

อย่างไรก็ตามศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ รายงานว่า สภาพอากาศภาคเหนือโดยรวมคงมีความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวยังมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ส่วนในช่วงวันที่ 16-23 มีนาคม 2565 ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ที่เข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลางจะมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนและร้อนจัด ทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดพายุฤดูร้อนขึ้นได้ โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง บางพื้นที่ รวมทั้งอาจจะมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมทั้งฟ้าผ่าที่จะเกิดขึ้น ขอให้ทุกหน่วยยังต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในระยะนี้

ด้านสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ประจำวันที่ 14 มีนาคม 2565 ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน) พบว่า PM 2.5 มีค่าระหว่าง 38-96 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเกินค่ามาตรฐานในพื้นที่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน PM 2.5 วัดได้ 96 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน PM 2.5 วัดได้ 67 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ Hotspot เกิดขึ้นจำนวน 153 จุด คือ เชียงใหม่ 15 จุด เชียงราย 1 จุด ลำพูน 2 จุด และแม่ฮ่องสอน 135 จุด พร้อมทั้งคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองวันต่อไปอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง