'อียู' หวังเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์
บรัสเซลส์, 1 ก.พ. (ซินหัว) -- เมื่อวันอาทิตย์ (31 ม.ค.) คณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสาธารณสุขของสหภาพยุโรป (EU) ร่วมประชุมหารือกับบริษัทเภสัชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่หลายแห่งเกี่ยวกับการเร่งพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์โดยเฉพาะ
คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) แถลงว่าการอุบัติใหม่ของเชื้อโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ "ก่อให้เกิดความไม่มั่นใจว่าวัคซีนที่เพิ่งอนุมัติอาจมีประสิทธิภาพป้องกันลดลง" และเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการอุบัติใหม่ของเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์
มีการจัดการประชุมออนไลน์โดยอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการฯ ร่วมด้วยกลุ่มซีอีโอจากไบออนเทค/ไฟเซอร์ (BioNTech/Pfizer) โมเดอร์นา (Moderna) แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson) เคียวร์แวค (CureVac) และซาโนฟี (Sanofi) ซึ่งล้วนลงนามข้อตกลงการจัดส่งวัคซีนให้อียู
สเตลลา คิเลียคิเดส กรรมาธิการสหภาพยุโรปด้านสุขภาพ, เธียร์รี เบรตัน กรรมาธิการสหภาพยุโรปด้านตลาดและบริการภายใน, ปีเตอร์ ปิอ็อต และมอนเซฟ ซาลาอุย ที่ปรึกษาพิเศษด้านโรคโควิด-19 ของฟอน แดร์ ไลเอิน รวมถึงเอเมอร์ คุก ผู้อำนวยการบริหารองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) ต่างเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย
หัวข้อหารือประกอบด้วยข้อกำหนดการเร่งพัฒนา ผลิต และอนุมัติวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ในอียู โดยการประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับปริมาณวัคซีนที่มีจำกัด และปัญหาขาดแคลนวัคซีนในอียู ตลอดจนประสิทธิภาพของวัคซีนบางตัวที่มีแนวโน้มลดลงเมื่อเผชิญเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ (29 ม.ค.) ปีเตอร์ ปิอ็อต เผยว่าโนวาแว็กซ์ (Novavax) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐฯ รายงานผลลัพธ์เชิงบวกจากการทดลองวัคซีนขนานใหญ่ในสหราชอาณาจักร โดยแสดงประสิทธิภาพโดยรวมที่ร้อยละ 89 แต่มีประสิทธิภาพร้อยละ 86 ต่อเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ที่ตรวจพบครั้งแรกในสหราชอาณาจักร และร้อยละ 60 ต่อเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ที่ตรวจพบในแอฟริกาใต้