เร่งสอบขบวนการค้ามนุษย์ ผลิตสเต็มเซลล์ผิดกฏหมาย กทม. ลักลอบขายเพียบ
วันนี้ ( 25 ต.ค. 67 )นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมรับเรื่องร้องเรียนกรณีขบวนการค้าชิ้นส่วนมนุษย์จากนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความผู้เสียหาย
ภายหลังจากการรับหนังสือร้องเรียน นายจิรายุ เปิดเผยว่า ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้แล้วเมื่อสองสัปดาห์ก่อน และได้ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ซึ่งได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตนเองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยจะต้องรับทราบถึงขบวนการค้าชิ้นส่วนมนุษย์
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า จากที่ได้รับทราบข้อมูล เมื่อคุณแม่ไปคลอดลูก ส่วนมากจะไม่ได้ใส่ใจที่จะเก็บรกลูกไว้ เมื่อคุณหมออนุญาตให้กลับบ้านส่วนใหญ่ก็จะพาลูกกลับบ้าน จึงเป็นโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์นำรกเด็ก
โดยเฉพาะรกที่มีเลือดกรุ๊ปโอไปขาย เพราะเลือดกรุ๊ปโอเป็นกลุ่มที่ทำสเต็มเซลล์ได้อย่างดี ซึ่งจะใช้บริการรถสาธารณะเรียกจากแอปพลิเคชันลักลอบนำส่งรกไปยังปลายทาง ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีการลักลอบขายรกเด็กเป็นจำนวนมาก
“การขายชิ้นส่วนรกและสายสะดือ มีราคาตั้งแต่ 5,000 ถึง 10,000 บาท นี่คือราคาต้นทางก่อนที่นำชิ้นส่วนไปทำ สเต็มเซลล์ การที่ประชาชนบางส่วนฉีดสเต็มเซลล์ ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นรกที่มาจากคดีนี้หรือเปล่า” นายจิรายุ ระบุ
ทนายความของผู้เสียหาย กล่าวว่า เรื่องเสียหายดังกล่าวถูกเปิดเผยจากลูกความท่านหนึ่ง ซึ่งเข้าไปเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนเกี่ยวกับการสร้างสเต็มเซลล์ โดยไม่ทราบมาก่อนว่าการเอารกสายสะดือของแม่เด็กมาทำสเต็มเซลล์ต้องได้รับอนุญาตทางกฎหมายก่อน แต่ปรากฎว่าที่ผ่านมาได้ตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้ไปเอารกและสายสะดือ ที่ไม่ได้รับความยินยอมมาทำสเต็มเซลล์ ตลอดระยะเวลา 7-8 ปี ดังนั้น เมื่อทราบว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงลาออกจากบริษัท ต่อมาถูกนายจ้างได้แจ้งความดำเนินคดีทางอาญา จึงเป็นเหตุให้วันนี้ได้มายื่นหนังสือร้องเรียน เพราะต้องการหยุดยั้งกระบวนการที่ลักลอบเอารกและสายสะดือของแม่เด็กมาทำการค้า ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และต้องการที่จะหยุดยั้งกระบวนการมิจฉาชีพ ซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมรายชื่อบริษัทเอกชน โรงพยาบาลต่าง ๆ คาดว่ามีไม่น้อยกว่า 100 ราย ที่ได้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวมาแล้วกว่า 1,000 ครั้ง
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากทางสำนักงานนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยจะเร่งดำเนินการการสืบสวนสอบสวนหาหลักฐานประกอบสำนวนการดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
ภาพจาก: ทำเนียบรัฐบาล