รีเซต

เปิดม่านชีวิต ‘Sex worker’ ปลดโซ่อุตสาหกรรมแสนล้าน กับการผลักดันสู่ อาชีพถูกกฎหมาย

เปิดม่านชีวิต ‘Sex worker’ ปลดโซ่อุตสาหกรรมแสนล้าน กับการผลักดันสู่ อาชีพถูกกฎหมาย
TNN ช่อง16
27 เมษายน 2567 ( 23:17 )
52

“เบื้องหลังแสงสีของย่านบันเทิงยามค่ำคืน” 


“เบื้องหลังรอยยิ้มของผู้หญิงในชุดสั้นผ่าเผยรูปร่าง” 


“เบื้องหลังบรรยากาศของบาร์เรียกนักดื่ม”


ซ่อนไว้ด้วยชีวิตที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ความหวาดกลัว และการต่อสู้ดิ้นรนท่ามกลางกำแพงแห่ง ความยากจน ความรุนแรง และการถูกกีดกันทางสังคม


อาชีพขายบริการทางเพศ เป็นเรื่องราวแห่งความสิ้นหวังและการเสียสละ เพื่อแลกกับค่าจ้างและผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย เหล่าผู้หญิงและผู้ชายเหล่านี้ได้หลงเข้ามาในวังวนของการถูกกดขี่และการใช้ประโยชน์ จนไม่มีทางออก นอกจากจำยอม


แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งต้องห้ามทางกฎหมายและผิดศีลธรรม แต่ “พวกเขาเหล่านั้น” ก็มิได้เลือกเส้นทางชีวิตเช่นนี้ ด้วยความสมัครใจ


เสียงสะท้อนจาก ผู้หญิง ที่ถูกผลักให้เดินอยู่บนเส้นทางสายนี้


หญิงขายบริการรายหนึ่ง ในพื้นที่ย่านพัทยา ได้เล่าเรื่องราวชีวิตให้ฟังว่า สาเหตุที่ทำให้เธอต้องก้าวเข้าสู่อาชีพนี้นั้น เป็นเพราะความ “ยากจน” หลังจากที่บิดาได้เสียชีวิตลง และมารดาต้องป่วยเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งค่ารักษาพยาบาลมีราคาสูงเกินกว่าที่จะหาเงินมาจ่ายได้ เธอจึงจำต้องหางานทำเพื่อหารายได้มาเลี้ยงดูมารดาและพี่น้องของตนเอง 


เธอได้เปิดเผยต่อไปว่า แม้จะรู้ว่าอาชีพนี้เป็นสิ่งที่ถูกรังเกียจจากสังคม แต่เธอก็จำเป็นต้องทำเพราะนั่นเป็นหนทางเดียวที่เหลืออยู่ในการดำรงชีวิต นอกจากจะต้องเผชิญกับคำดูถูกและการเหยียดหยามจากผู้คนรอบข้างแล้ว เธอยังต้องเจ็บปวดจากการถูกลูกค้าบางรายทารุณทางร่างกายและจิตใจอีกด้วย


หญิงขายบริการผู้นี้ ยังได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่ง อาชีพของเธอจะได้รับการยอมรับและถูกกฎหมาย มีหน่วยงานของรัฐเข้ามาคุ้มครองดูแลสิทธิและสวัสดิการต่างๆ เช่นเดียวกับพนักงานในอาชีพอื่นๆ และหวังว่าสังคมจะมองเธอและผู้ร่วมอาชีพด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรีและไม่ถูกเหยียดหยามอีกต่อไป


ค้าประเวณีไทย ภาพเงามืดทางเศรษฐกิจ


ธุรกิจค้าประเวณีในประเทศไทยนับเป็นอุตสาหกรรมขนาดยักษ์ที่สร้างมูลค่ามหาศาลให้แก่ระบบเศรษฐกิจแม้จะยังผิดกฎหมายก็ตาม ข้อมูลสถิติชี้ว่าในแต่ละปีมีเงินหมุนเวียนในอุตสาหกรรมบริการทางเพศของไทยสูงถึง 6,400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 216,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจไทย 


การประเมินเบื้องต้นพบว่ามีคนไทยราว 300,000 คนที่ทำอาชีพให้บริการทางเพศ โดยจัดอยู่ในระดับต้นๆของโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงขนาดและความสำคัญของธุรกิจนี้ในสังคมไทย  แต่ภายใต้กรอบกฎหมายปัจจุบันกลับยังคงเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ทำให้ยากต่อการกำกับดูแลและดำเนินการอย่างถูกต้องเหมาะสม


เหล่า Sex Worker จึงออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลคุ้มครองสิทธิ และยกระดับให้เป็นอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้พวกเขามีความมั่นคงในชีวิต ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ มีสวัสดิการเหมือนผู้ใช้แรงงานอื่น ๆ และได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรี หนึ่งในข้อเสนอ คือ การให้สถานะลูกจ้างในสถานบริการ ซึ่งสามารถอ้างอิงกฎหมายแรงงานที่มีอยู่แล้วได้ โดยไม่ต้องออกกฎหมายใหม่


พัทยา: สวรรค์ของบริการทางเพศ กับคำถามถึงสิทธิของเซ็กซ์เวิร์คเกอร์


‘พัทยา’ เมืองท่องเที่ยวชายทะเลชื่อดังของไทย กลายเป็นสัญลักษณ์ของการค้าบริการทางเพศที่คึกคักมานานหลายทศวรรษ แม้กิจการลักษณะนี้จะผิดกฎหมาย แต่ก็ยังดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลที่สร้างรายได้ให้ประเทศ 


รายได้มหาศาลจากธุรกิจการค้าบริการนี้สะท้อนให้เห็นว่า ความต้องการบริการทางเพศของนักท่องเที่ยวยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงเป็นแหล่งทำมาหากินของผู้ค้าบริการนับแสนคน หากแต่ส่งผลพวงต่อเศรษฐกิจโดยรวม ผ่านการเติบโตของอุตสาหกรรมเชื่อมโยง อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร บาร์ ผับ และธุรกิจแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนอื่นๆ


แม้จะเห็นถึงความสำคัญในแง่เศรษฐกิจชัดเจน แต่อาชีพขายบริการกลับยังไม่ถูกต้องตามกฎหมายไทย ไม่มีการควบคุมและจัดระเบียบอย่างเป็นระบบ ทำให้ผู้ประกอบอาชีพนี้ยังขาดสิทธิ สวัสดิการ และการคุ้มครองจากภาครัฐ เสี่ยงต่อการถูกเอารัดเอาเปรียบ และยังอาจเข้าไม่ถึงบริการสุขภาพที่จำเป็น


การถกเถียงผลกระทบของการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับความเป็นจริงในสังคม ยังคงดำเนินต่อไป ทั้งในแง่ประโยชน์ในการออกมาตรการป้องกันปัญหายาเสพติดและโรคติดต่อที่เชื่อมโยงกับธุรกิจนี้ได้ดีขึ้น ฝั่งตรงข้ามก็มีความกังวลว่าอาจเพิ่มความชอบธรรมให้แก่ธุรกิจที่ยังคงประเด็นน่าห่วงใยทั้งในแง่ศีลธรรม การค้ามนุษย์ และอาชญากรรม


ท้ายที่สุดแล้ว ดูเหมือนว่า การหาทางพัฒนาอาชีพและปกป้องสิทธิของผู้ค้าบริการ จะต้องอาศัยการพูดคุยร่วมกันจากทุกภาคส่วนในสังคมอย่างจริงจังและเปิดกว้าง เพื่อร่วมกันหามาตรการสร้างสรรค์ที่สมดุลกับความต้องการของคนทุกฝ่าย ควบคู่ไปกับการพัฒนาทางเลือกในการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีให้แก่เหล่าเซ็กซ์เวิร์คเกอร์ด้วย


ไทยจะเป็นอย่างไร เมื่อค้าบริการทางเพศถูกกฎหมาย


หากประเทศไทย ทำให้การค้าบริการทางเพศถูกกฎหมาย คาดว่าจะมีผลกระทบในหลายมิติ ทั้งเชิงบวกและลบ ในแง่บวก การทำให้ถูกกฎหมายจะช่วยเพิ่มการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของผู้ค้าบริการ ลดการเอารัดเอาเปรียบและความรุนแรง ทางภาครัฐสามารถออกมาตรการควบคุม ตรวจสอบมาตรฐานสุขอนามัยและความปลอดภัยได้ดีขึ้น ช่วยลดปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผู้ค้าบริการจะเข้าถึงการรักษาพยาบาลและบริการสาธารณสุขได้มากขึ้น ขณะที่รัฐก็จะสามารถจัดเก็บภาษีจากธุรกิจนี้ได้ ซึ่งจะเป็นรายได้เพิ่มเติม และช่วยลดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ในการเรียกเก็บส่วยจากสถานบริการด้วย


อย่างไรก็ตาม การทำให้ค้าบริการถูกกฎหมายก็อาจมีผลกระทบเชิงลบด้วยเช่นกัน เริ่มจากการต่อต้านจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ยังมองว่าขัดต่อศีลธรรมและวัฒนธรรมไทย อุตสาหกรรมบริการทางเพศอาจขยายตัวมากขึ้น ดึงดูดแรงงานจำนวนมากเข้าสู่อาชีพนี้ และเสี่ยงต่อการเพิ่มจำนวนผู้เยาว์หากการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองเด็กไม่เข้มงวดพอ นอกจากนี้ ไทยอาจถูกมองเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวทางเพศ เสี่ยงต่อการค้ามนุษย์ข้ามชาติมากขึ้น และอาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ยังมองเรื่องนี้เป็นเรื่องผิดศีลธรรม


การแก้ไขกฎหมายจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงผลกระทบรอบด้าน และสร้างมาตรการป้องกันผลเสียต่างๆ ให้รัดกุมที่สุด เพื่อให้ผู้ค้าบริการได้รับการคุ้มครองสิทธิ โดยไม่ลืมปกป้องกลุ่มเปราะบาง และรักษาภาพลักษณ์ของประเทศด้วย เมื่อสามารถสร้างสมดุลตรงจุดนี้ได้ การทำให้การค้าบริการทางเพศถูกกฎหมายจึงจะส่งผลดีและนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง


"ค้าประเวณี" : มุมมองทางกฎหมาย สังคม และศีลธรรม


ในประเทศไทย การค้าประเวณีถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 โดยมีสาระสำคัญดังนี้


1. การค้าประเวณี หมายถึง การยอมรับการกระทำชำเราหรือการยอมรับการกระทำอื่นใด หรือการกระทำอื่นใดเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เพื่อสินจ้างหรือประโยชน์อื่นใด ทั้งนี้ไม่ว่าผู้ยอมรับการกระทำและผู้กระทำจะเป็นบุคคลเพศเดียวกันหรือไม่


2. ผู้ใดเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท


3. ผู้ใดเป็นเจ้าของกิจการการค้าประเวณี ผู้ดูแล หรือผู้จัดการกิจการค้าประเวณี มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000-300,000 บาท


4. ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย หรือทำร้ายร่างกายหรือขู่เข็ญด้วยประการใดๆ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้อื่น เพื่อข่มขืนใจให้ผู้นั้นกระทำการค้าประเวณี มีโทษจำคุกตั้งแต่ 10-20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000-400,000 บาท


5. ผู้ใดกระทำชำเราหรือกระทำอื่นใดเพื่อสำเร็จความใคร่ของตนเองหรือผู้อื่น แก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเป็นค่าตอบแทน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท


อย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับนี้มุ่งเน้นการลงโทษผู้ที่แสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีเป็นหลัก ส่วนตัวผู้ค้าบริการเองนั้น หากไม่มีพฤติการณ์รุนแรงอื่นๆ เกี่ยวข้อง มักถูกปรับเป็นเงินหรือส่งตัวเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู โดยไม่ถูกดำเนินคดีอาญาโดยตรง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการคุ้มครองและช่วยเหลือผู้ค้าบริการ แม้จะยังไม่ถึงขั้นทำให้อาชีพนี้ถูกกฎหมายโดยสมบูรณ์


ปัจจุบันยังมีการถกเถียงกันว่า การที่ผู้ค้าบริการเองไม่ผิดกฎหมายนั้น เป็นการเปิดช่องให้มีการประกอบอาชีพนี้แบบเถื่อน และยากต่อการควบคุมจัดระเบียบ การทำให้ถูกกฎหมายเต็มรูปแบบจะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่ ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องหารือและพิจารณาต่อไป


อาชีพขายบริการทางเพศในไทย: มรดกทางประวัติศาสตร์ที่ยังคงอยู่


อาชีพขายบริการทางเพศเป็นอาชีพที่มีอยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน ย้อนไปถึงสมัยอยุธยาก็ปรากฏหลักฐานการค้าประเวณีในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเมืองท่าสำคัญอย่างอยุธยาและพระนครศรีอยุธยา มีการจดบันทึกถึงหญิงบริการที่ถูกเรียกว่า "โคมเขียว" ซึ่งทำหน้าที่ให้บริการความสุขแก่ลูกค้า ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่แวะเวียนเข้ามาค้าขาย ธุรกิจนี้สร้างรายได้ให้แก่ผู้คนในท้องถิ่นเป็นอย่างมาก แม้ในยุคนั้นอาชีพนี้จะยังไม่ถูกต้องตามกฎหมายเช่นกัน แต่ก็แสดงให้เห็นว่าการค้าบริการเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและระบบเศรษฐกิจไทยมาอย่างยาวนาน


หากมองย้อนกลับมาในปัจจุบัน สังคมไทยดูเหมือนจะหลับตาข้างหนึ่งกับการดำรงอยู่ของธุรกิจนี้ เพราะแม้จะผิดกฎหมาย แต่ก็ยังคงเห็นสถานบริการ ซ่องโสเภณีและหญิงขายบริการตามท้องถนนอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ การจับกุมและปราบปรามมีให้เห็นน้อยมาก ราวกับเป็นการยอมรับนัยยะว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง บางทีการผลักดันให้ธุรกิจบริการทางเพศเป็นสิ่งถูกกฎหมายอย่างเปิดเผย อาจเป็นทางออกที่ดีกว่าก็เป็นได้ รัฐสามารถเข้ามาควบคุมดูแลให้ถูกต้อง จัดระเบียบ จัดเก็บภาษี และที่สำคัญคือคุ้มครองผู้ให้บริการจากการถูกเอาเปรียบ รังแกและกดขี่ต่างๆ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าการปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างไร้การควบคุมแบบทุกวันนี้


บรรทัดฐานทางสังคมและวัฒนธรรมเป็นกำแพงขวางกั้นการยอมรับอาชีพผู้ให้บริการทางเพศ หรือ Sex Worker  ในหลายประเทศรวมถึงไทย การขายบริการมักถูกตีตราว่าเป็นสิ่งผิดศีลธรรม เสื่อมเสีย และแม้แต่ผิดกฎหมาย ผู้คนมองว่านี่เป็นอาชีพต่ำต้อย ไร้ศักดิ์ศรี ใครทำก็สมควรถูกดูถูกเหยียดหยามได้ โดยลืมไปว่าสาเหตุหลักที่ผลักดันให้หลายคนหันมาประกอบอาชีพนี้ คือความยากลำบากทางเศรษฐกิจ ความรุนแรงและการถูกกดขี่ทางสังคม ซึ่งบ่อนทำลายทางเลือกและทำให้ไม่มีโอกาสไปประกอบอาชีพอื่นที่ดูดีกว่า 


หากสังคมลองปรับทัศนคติ ให้โอกาส และช่วยผลักดันให้เขาเข้ามาอยู่ในระบบการคุ้มครองทางกฎหมาย ปลดล็อคให้เป็นอาชีพที่ถูกต้อง เชื่อว่ายังพอมีหนทางพัฒนาแก้ไขสภาพปัญหาให้ดีขึ้นได้ ทั้งสวัสดิภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ให้บริการเอง การกำหนดมาตรฐานควบคุมกิจการ การจัดเก็บภาษี ไปจนถึงการสกัดกั้นขบวนการค้ามนุษย์ที่แอบแฝงเข้ามาหาผลประโยชน์


ข่าวที่เกี่ยวข้อง