PTGเติมน้ำมันพุ่ง พันธุ์ไทยโกยแชร์
PTG แบไต๋ไตรมาส 2/2566 ฟอร์มสวย อานิสงส์กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นเด่น ดันยอดเติมน้ำมันพุ่ง อีบิทด้ปีนี้ทะยาน 8-12% ขานรับกำไร "กลุ่มนอนออยล์" หนุน ชู "กาแฟพันธุ์ไทย" ผู้ใช้บริการพุ่งหลังยืนราคาขาย เดินหน้าเข็นธุรกิจกาแฟเข้าตลาดหุ้นเสริมแกร่งระยาว คาดชัดเจนในช่วงปี 2568
นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทประเมินว่าแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส2/2566 น่าจะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังปัจจัยเกี่ยวกับโควิดคลี่คลาย ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเดินทางต่างๆ กลับฟื้นตัว ซึ่งทำให้ยอดเติมน้ำมันในสถานีบริการต่างๆ ของบริษัทขยับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ยืนเป้าโต 8-12%
ในปี 2566 ทาง PTG ยังคงประมาณการกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย(EBITDA) เติบโต8-12% จากปีก่อนที่อยู่ในระดับสูงกว่า 5 พันล้านบาท เพราะได้รับแรงหนุนจากสัดส่วนกำไรขั้นต้นของกลุ่มธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน (Non-Oil) ที่คาดเพิ่มขึ้น หรือมาอยู่ที่ 20-30%ในปีนี้ และธุรกิจค้าปลีกน้ำมันคาดปริมาณการจำหน่ายน้ำมันจะเติบโต 8-12% จากปีก่อนทำได้ 5,316 ล้านลิตร และปริมาณการขายก๊าซ LPG เติบโต 40-60% ตามดีมานด์ที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้จากการสำรวจข้อมูลสัดส่วนกำไรขั้นต้นของ PTG ณ สิ้นปี2565 นั้นกลุ่มธุรกิจ Non-Oil อยู่ที่ราว 18.5% ส่วนที่เหลือมาจากกลุ่มธุรกิจน้ำมัน
กาแฟพันธุ์ไทยสดใส
สำหรับงบลงทุนในปี 2566 ทาง PTG วางงบลงทุนไว้ประมาณ 5-6 พันล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจส่วนต่างๆ แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจน้ำมันอยู่ที่ 1-1.5 พันล้านบาท, Non-Oil อยู่ที่ 2-2.5 พันล้านบาท และที่เหลือเป็นรองรับในการลงทุนใหม่ หวังสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
โดยในส่วนของ Non-Oil ปีนี้ บริษัทการขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทย และ คอฟฟี่ เวิลด์ เพิ่มเป็น 1,523 สาขา, ร้านสะดวกซื้อ Max Mart เพิ่มเป็น 369 สาขา, ร้านจำหน่ายก๊าซ LPG บรรจุถัง (Gas Shop) เพิ่มเป็น 323 สาขา และสถานีอัดบรรจุไฟฟ้า (EV Charging) เพิ่มเป็น 65 จุดชาร์จ เป็นต้น
นายรังสรรค์ กล่าวเสริมว่า ในแง่ของกลุ่มธุรกิจกาแฟภายใต้แบรนด์ "พันธุ์ไทย" ซึ่งปัจจุบันดำเนินการโดย บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด (บริษัทย่อยของ PTG) นั้นแม้ว่าต้นทุนต่างๆ จะปรับตัวสูง แต่เบื้องต้นยังไม่แนวทางปรับราคาขายเพิ่มเติมและหันมาใช้การบริหารจัดการภายในส่วนอื่นๆ ทดแทน เพื่อต้องการช่วยลดภาระลูกค้า ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขผู้เข้ามาใช้บริการขยายตัวต่อเนื่อง
เข็นบ.ย่อยเข้าตลาด
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องการนำบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด (บริษัทย่อยของ PTG) เพื่อนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งระยะยาว สำหรับบริษัทย่อยข้างต้นนั้นปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนกว่า 1 พันล้านบาท และคาดน่าจะได้เห็นความชัดเจนในปี 2568 หวังสนับสนุนการเติบโตในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น
อนึ่ง ล่าสุดที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 จากผลการดำเนินงานนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท ด้วยจำนวน 1,670 ล้านหุ้น รวมเป็นเงินปันผลจำนวนทั้งสิ้น 334 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 60% ของกำไรสุทธิของบริษัท ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท โดยจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ วันที่ 10 มีนาคม 2566 ซึ่งเป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566