ราชทัณฑ์ พบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 523 ราย "เรือนจำบางขวาง" ติดสูงสุด
วันนี้ (22 พ.ค.64) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในเรือนจำและทัณฑสถานว่า กรมราชทัณฑ์ได้รับรายงาน ผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 523 ราย ประกอบด้วย เรือนจำกลางเชียงใหม่ 2 ราย ทัณฑสถานหญิงกลาง 29 ราย เรือนจำกลางคลองเปรม 128 ราย ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง 26 ราย เรือนจำจังหวัดนนทบุรี 1 ราย เรือนจำกลางบางขวาง 299 ราย และทันฑสถานหญิงธนบุรี 8 ราย มีผู้รักษาหาย 218 ราย รวมผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการรักษา 14,348 ราย ในเรือนจำและทัณฑสถานที่พบผู้ติดเชื้อ 12 แห่ง
นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีผู้ต้องขังที่ได้รับการตรวจเชื้อแล้ว จำนวน 37,288 ราย มีเรือนจำที่ตรวจครบ 100% เพิ่มอีก 1 แห่ง คือ เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ส่วนเรือนจำอื่นๆ ที่ตรวจครบแล้วยังมีการสวอปหาเชื้อซ้ำทุกๆ 7 วันในกลุ่มที่ยังไม่พบเชื้อ รวมถึงการตรวจหาเชื้อในผู้ต้องขังเรือนจำอื่นๆ และผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายจนกว่าสถานการณ์จะปกติ สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินการฉีดวัคซีนในวันนี้ (22 พ.ค.64) กรมราชทัณฑ์จะเริ่มฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังที่เรือนจำพิเศษมีนบุรีเป็นแห่งแรก จำนวน 1,500 ราย และตั้งเป้าฉีดวัคซีนเข็มแรกจนครบ 3,831 ราย ภายใน 1 สัปดาห์ โดยการสนับสนุนวัคซีนจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เป็นวัคซีน 2 ชนิด คือ ซิโนแวค เพื่อฉีดแก่ผู้ต้องขังกลุ่มอายุต่ำกว่า 60 ปี และแอสตร้าเซนเนก้าฉีดให้กับผู้ต้องขังกลุ่มสูงอายุ และกลุ่มป่วย 7 โรคเรื้อรัง
นายอรยุตม์ กล่าวด้วยว่า กรมราชทัณฑ์ ได้มอบหมายให้ศูนย์ CARE ประจำเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง รับผิดชอบประสานงานรวบรวมข้อมูลของผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ และแจ้งให้ญาติผู้ต้องขังทราบเป็นการเฉพาะราย พร้อมทั้งแจ้งความคืบหน้าการรักษา และอาการป่วยของผู้ต้องขังให้ญาติทราบผ่านทางโทรศัพท์ หรือช่องทางการสื่อสารอื่นใดที่ได้แจ้งไว้ เพื่อบรรเทาความห่วงใยของญาติผู้ต้องขังตามความยินยอมของผู้ต้องขัง