เปิดด่านด้วยหัวใจ มนุษยธรรมไทย-กัมพูชาเชื่อมโยงชีวิตเหนือพรมแดน

บนเส้นทางชายแดนไทย-กัมพูชาด้านจังหวัดจันทบุรี มีบางภารกิจที่ไม่เพียงแต่สะท้อนความร่วมมือด้านความมั่นคง แต่ยังแสดงออกถึงน้ำใจของเพื่อนบ้านที่ยืนหยัดอยู่ข้างกันในยามเจ็บป่วย การเปิดด่านฉุกเฉินในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม 2568 กลายเป็นบทพิสูจน์ของความร่วมมือระหว่างกองทัพไทย หน่วยงานชายแดน และโรงพยาบาลท้องถิ่นในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จากอีกฟากชายแดน
ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว หน่วยประสานงานชายแดนประจำพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ภายใต้การกำกับของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากฝ่ายกัมพูชาและหน่วยแพทย์ท้องถิ่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่มีอาการหนัก เดินทางข้ามแดนเพื่อเข้ารับการรักษาในฝั่งไทย หรือเดินทางกลับบ้านหลังเสร็จสิ้นการรักษา
ผู้ป่วยรายสำคัญ อดีตรองเสนาธิการกัมพูชา
หนึ่งในภารกิจที่มีความสำคัญเชิงสัญลักษณ์และมนุษยธรรมเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.30 น. พลจัตวา ลาว บุญเมิง วัย 62 ปี อดีตรองเสนาธิการภูมิภาคทหารที่ 5 กองทัพบกกัมพูชา ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ได้รับการอำนวยความสะดวกให้เดินทางกลับไปพักฟื้นที่บ้านพักในจังหวัดพระตะบอง หลังจากเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัดที่โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล กรุงเทพมหานคร
เพื่อให้การเดินทางกลับเป็นไปอย่างราบรื่น หน่วยงานความมั่นคงของไทยได้เปิดด่านพิเศษ ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ตำบลเทพนิมิต อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี โดยมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 2 (กองร้อยทหารพรานนาวิกโยธินที่ 524) สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตราด และหน่วยประสานงานชายแดนทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา
ภารกิจเร่งด่วนช่วยญาติรัฐมนตรี
ไม่กี่วันก่อนหน้า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 14.30 น. เกิดเหตุฉุกเฉินจากฝั่งกัมพูชา เมื่อชายวัย 89 ปี ซึ่งเป็นญาติของพลโท อุก คะนวจ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หน่วยชายแดนจันทบุรีจึงเปิดด่านบ้านแหลมอย่างเร่งด่วนเพื่อให้รถพยาบาลฝั่งกัมพูชานำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรีโดยทันที ท่ามกลางความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศที่มีความเข้าใจและเคารพต่อความจำเป็นด้านสุขภาพของประชาชน
รายผู้ป่วยอื่น ๆ ที่ได้รับการดูแล
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายกรณีที่แสดงให้เห็นถึงน้ำใจและความรวดเร็วในการช่วยเหลือ โดยเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยได้รับการร้องขอให้ช่วยส่งผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เข้ารับเคมีบำบัดจากโรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี เดินทางกลับไปพักฟื้นที่จังหวัดพระตะบอง โดยมีรถพยาบาลมารับจากด่านบ้านแหลม
ก่อนหน้านั้น วันที่ 29 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือหญิงชาวกัมพูชาอายุ 61 ปี ซึ่งป่วยด้วยมะเร็งเต้านม ให้ผ่านแดนเข้ามารักษาตัวที่ฝั่งไทย พร้อมกับผู้ติดตาม 2 คน โดยการประสานงานระหว่างฝ่ายไทยและกัมพูชาดำเนินไปอย่างราบรื่น
ล่าสุดในเช้าวันที่ 5 กรกฎาคม หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ได้รับการร้องขอจากชายชาวกัมพูชาวัย 67 ปี ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งสมองให้เดินทางกลับประเทศหลังเสร็จสิ้นการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ชายแดนไทยให้การดูแลและตรวจสอบเอกสารตลอดกระบวนการ
มนุษยธรรมที่ไม่เลือกเชื้อชาติ
ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้เป็นหลักฐานที่ชัดเจนถึงความเป็นมนุษย์ที่อยู่เหนือเส้นแบ่งพรมแดน แม้ชายแดนจะเป็นพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านความมั่นคงและกฎระเบียบ แต่ในยามที่มีเพื่อนบ้านต้องการความช่วยเหลือ ชายแดนก็สามารถเปิดออกเพื่อมอบชีวิตใหม่ให้แก่ผู้ป่วยอย่างไม่ลังเล
หน่วยงานชายแดน ฝ่ายความมั่นคง และบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ต่างทำหน้าที่ของตนด้วยความเข้าใจในภารกิจร่วมกัน เพื่อให้การเดินทางของผู้ป่วยไม่กลายเป็นอุปสรรค และเพื่อให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ได้รับการคงไว้ แม้ในยามป่วยหนักหรือเจ็บปวด
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
